‘มรภ.-มทร.’ สะท้อนขอลดรอบ-ย่นระยะเวลา ‘ทีแคส’ เหตุมหา’ลัยวางแผนรับ น.ศ.ยาก
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน นายเรืองเดช วงศ์หล้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) อุตรดิตถ์ ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ทปอ.มรภ.) เปิดเผยกรณี ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) จะปรับระบบการรับสมัครการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา หรือทีแคส ปีการศึกษา 2563 ที่เป็นการปรับเล็ก คือยังคงให้มีการรับสมัคร 5 รอบ แต่ปรับขั้นตอนการสมัคร รอบ 1 แฟ้มสะสมผลงาน และรอบ 2 โควตา โดยมาให้ยืนยันสิทธิพร้อมกันในรอบ 2 ครั้งเดียว รวมถึงจะเพิ่มชุดข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษทุกวิชา เพื่อให้นักเรียนที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษ เช่นนักเรียนที่เรียนโรงเรียนนานาชาติ เป็นต้น ได้เข้าใจข้อสอบมากขึ้นนั้น ว่า ตนเห็นด้วยที่จะปรับบางอย่างในระบบทีแคส เนื่องจากระยะเวลาการรับสมัครใช้เวลานาน ทำให้มหาวิทยาลัยวางแผนการรับนักศึกษาพลาด เนื่องจากนักเรียนสละสิทธิ หรือไม่ใช้สิทธิในรอบแรกๆ เพื่อมาลุ้นรอบท้ายๆ จำนวนมาก ทำให้ที่นั่งในแต่ละรอบเหลือเป็นจำนวนมาก เช่น คณะครุศาสตร์ ในกลุ่มมรภ. เป็นคณะที่จำกัดจำนวนผู้เรียนที่แน่นอน แต่เมื่อนักเรียนติดคณะนี้แล้ว บางคนกลับสละสิทธิเพื่อไปลุ้นทีแคสรอบอื่น ถือเป็นการกันสิทธินักเรียนคนอื่นที่สนใจเข้าเรียน และทำให้มหาวิทยาลัยวางแผนจัดการลำบาก
“ส่วนตัวอยากให้ระยะเวลาในการสมัครทีแคสเร็วขึ้น เนื่องจากปัจจุบันทีแคส รอบ5 เสร็จสิ้นช่วงปลายเดือนมิถุนายน ก็อยากให้กระบวนการจบในต้นเดือนมิถุนายน เพื่อเอื้อให้มหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมสามารถเปิดภาคเรียน ภายในเดือนมิถุนายนได้ทันที”นายเรืองเดช กล่าว
นายเรืองเดช กล่าวต่อว่า ส่วนการเพิ่มชุดข้อสอบภาษาอังกฤษทุกวิชา เพื่อให้นักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษได้เข้าใจการสอบมากขึ้น ตนเห็นว่าจุดนี้อาจจะช่วยเพิ่มผู้เรียนจากต่างประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยไทย ที่เปิดหลักสูตรนานาชาติ หรือเปิดวิทยาลัยนานาชาติได้มากขึ้น ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มผู้เรียนชาวต่างชาติ เพื่อให้มหาวิทยาลัยอยู่รอดต่อไปได้ และจากข้อมูลของ มรภ.พบว่า มหาวิทยาลัยในแถบภาคเหนือ มีนักศึกษาจากประเทศจีนเข้ามาเรียนเกือบ 90% มีนักศึกษาจากประเทศอาเซียน เข้าเรียน 10% เท่านั้น
ด้าน นายวิโรจน์ ลิ้มไขแสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ทปอ.มทร. ) กล่าวว่า ตนอยากให้ระบบทีแคส ปรับระยะเวลาลง เพราะระยะเวลาที่ใช้นานเกินไป และไม่อยากให้มีหลายรอบ นอกจากนี้ตนเสนอกลุ่ม มทร.อาจจะไม่เข้าร่วมทุกรอบ แต่ให้ดูรอบที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละคณะ/สาขาไป เพื่อให้ได้จำนวนนักศึกษาที่แน่นอน
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันจากข้อมูลพบว่าในประเทศมีจำนวนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มีปริมาณค่อนข้างมาก แต่กลับเลือกเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีค่อนข้างน้อย นักเรียนเหล่านี้อาจจะไปเข้าเรียนสายอาชีพมากกว่า เนื่องจากบริบทสังคมเปลี่ยนไปต้องการผู้เรียนสายอาชีพมากขึ้น ส่วนการเพิ่มชุดข้อสอบภาษาอังกฤษทุกวิชา เพื่อให้นักเรียนภาษาอังกฤษได้เข้าใจการสอบเพิ่มมากขึ้นนั้น อยากให้กำหนดและคำนึงถึงมาตรฐานให้ดี และวิธินี้อาจเป็นช่องทางหนึ่งในการรับนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนมายิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบันจำนวนนักศึกษาระดับปริญญาตรีในไทยลดลง
“อย่างไรก็ตาม ต้องตีความ และทบทวนใหม่ว่าที่นักเรียนไม่เข้าเรียนในระดับปริญญาตรี เพราะเหตุใด และนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยปรับตัวโดยอย่านำปริญญาเป็นตัวตั้ง เปิดสอนหลักสูตรระยะสั้น ระยะยาว และหลักสูตรที่สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต เพื่อดึงบุคคลทั่วไป ผู้ที่ทำงานแล้วเข้ามาเรียนมากขึ้น ก็ถือเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้มหาวิทยาลัยอยู่รอดต่อไปได้” นายวิโรจน์ กล่าว
