จากกรณีมีผู้ร้องเรียนการสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการตำแหน่งนักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ สังกัดกองพระราชพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน จำนวน 150 อัตรา ปฏิบัติงานเกี่ยวกับพิธีการศพ ซึ่งเป็นงานที่สำนักพระราชวังได้โอนภารกิจงานเกี่ยวกับพิธีศพในพระราชานุเคราะห์ให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นผู้รับผิดชอบ และได้ประกาศรายชื่อผู้ที่สอบผ่านการคัดเลือกได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างการฝึกปฏิบัติงานในการพิธีศพ ซึ่งใช้เวลา 6 เดือน ว่าส่อทุจริต เนื่องจากมีการนำข้อสอบที่ใช้สอบจริงไปให้ผู้เข้าสอบที่เป็นอดีตผู้ติดตาม และทีมงานของอดีตรัฐมนตรีว่าการ วธ.ดูก่อน ทำให้สอบติดในลำดับต้นๆ หลายราย และบางรายไม่ต้องไปฝึกปฏิบัติงานในการพิธีศพตามวัดต่างๆ อีกทั้ง ยังย้ายมาช่วยงานผู้บริหาร วธ.ที่สำนักงานปลัด วธ.ทั้่งที่หลักเกณฑ์การสอบคัดเลือกและบรรจุแต่งบุคคลเข้ารับราชการ กำหนดให้ต้องอยู่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานในสังกัดสำนักงานปลัด วธ.เท่านั้น เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยห้ามโอน หรือย้ายไปส่วนราชการอื่น และห้ามใช้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกตามประกาศนี้ เพื่อบรรจุและแต่งตั้งนักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการที่ปฏิบัติภารกิจด้านอื่น แต่เมื่อทำหนังสือร้องไปยังนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ช่วงที่เป็นรัฐมนตรีว่าการ วธ.และนายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัด วธ.แต่เรื่องเงียบ จึงทำเรื่องร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการ วธ.เปิดเผยว่า ตนได้สอบถามเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมผู้บริหาร วธ.เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยนายกฤษศญพงษ์รายงานว่ามีผู้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวจริง และสำนักงานปลัด วธ.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนตนยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เพราะต้องรอผลสอบจากสำนักงานปลัด วธ.แต่ได้ย้ำให้สอบให้ครอบคลุมตามที่มีผู้ร้องเรียนเข้ามา ซึ่งยังไม่ทราบว่าร้องในประเด็นใดบ้าง มีข้อครหาในลำดับที่เท่าไร อย่างไร
“ผมเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี เมื่อรับทราบเรื่องนี้แล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้ถามไปยังปลัด วธ.ว่าดำเนินการอย่างไร ถึงไหน ผมเองได้ให้นโยบายว่า ให้สอบให้ครบทุกประเด็นที่มีข้อสงสัย หรือได้รับร้องเรียนมา ส่วนประเด็นที่ว่าเด็กฝากใคร เป็นรายละเอียดที่คณะกรรมการสอบฯ ต้องสอบเช่นกัน เมื่อผลสอบออกมาแล้ว ผมจะพิจารณาที่มาที่ไป จะดูให้รอบด้านว่าเป็นมาอย่างไร” นายอิทธิพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการร้องเรียนจริง ต้องมีการโละบัญชี หรือชะลอการบรรจุไว้ก่อนหรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ต้องรอดูผลสอบข้อเท็จจริง ขั้นตอนการสอบสวน ทั้งระเบียบ การประกาศ ขั้นตอนการสอบ หลักเกณฑ์การให้คะแนน โดยเรียงลำดับตามผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดลงมา เบื้องต้นดูว่าเกี่ยวข้องกับส่วนไหน ลำดับใด คงไม่ได้แขวนไว้ทั้งหมด เพราะจะมีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน แต่ถ้าพบว่าการดำเนินการไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ก็ยกเลิกได้ ดังนั้น ต้องสอบให้ชัดว่ามีข้อสอบหลุดจริงหรือไม่ อย่างไร โดยให้ความเป็นธรรมกับผู้ร้อง แต่จะต้องไม่กระทบสิทธิผู้ที่เข้าสอบอย่างถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีผู้สอบเข้าบางรายไม่ได้ไปฝึกปฏิบัติงานในการพิธีศพตามวัดต่างๆ แต่มาทำงานอยู่ในสำนักงานปลัด วธ.จริงหรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้รับรายงานข้อมูล แต่เป็นสิ่งที่คณะกรรมการสอบฯ ต้องเข้าไปดูเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กรณีนี้สำนักงานปลัด วธ.ตั้งคณะกรรมการสอบฯ โดยไม่รายงานรัฐมนตรี ถือว่ามีเจตนาปกปิดหรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ตอนนี้ถือว่ารัฐมนตรีทราบเรื่องจากสื่อมวลชนที่สอบถามเข้ามาแล้ว ส่วนจะเป็นการปิดบังหรือไม่ ตอบไม่ได้ ตนเพิ่งเข้ามา และเพิ่งทราบข้อมูล กรณีนี้สำนักงานปลัด วธ.อาจพิจารณาว่ามีความจำเป็นต้องรายงานหรือไม่ เพราะยังสอบสวนข้อเท็จจริงไม่เสร็จ แต่หากสอบเสร็จแล้ว ได้ข้อมูลชัดเจน ก็น่าจะรายงานเข้ามา ส่วนจะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับ (ซี) 11 หรือไม่นั้น การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย จะดูในตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการเป็นหลักก่อน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า รัฐมนตรีว่าการ วธ.จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงคู่ขนาดกับสำนักงานปลัด วธ.หรือไม่ เพราะเรื่องนี้สำนักงานปลัด วธ.เป็นเจ้าของเรื่องเอง นายอิทธิพล กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดผลสอบก่อนว่า น่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน การตั้งสอบคู่ขนาดอาจไม่ใช่วิธีการที่ถูก เนื่องจากทาง วธ.มีกระบวนการอยู่แล้ว หากไปตั้งคณะกรรมการสอบฯ ซ้อนกัน เหมือนไปมีทัศนคติที่ไม่ดี ยกเว้นว่าผลสอบที่ออกมามีข้อมูลไม่ครอบคลุม ครบถ้วน ตนมีอำนาจที่จะสอบเพิ่มเติมได้
แหล่งข่าวจาก วธ.กล่าวว่า กรณีมีผู้ร้องเรียน ป.ป.ช.โดยกล่าวหาว่ามีการทุจริต และข้อสอบรั่ว ในการสอบบรรจุเข้ารับราชการตำแหน่งนักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ สังกัดกองพระราชพิธีการศพที่ได้รับพระราชทานนั้น ปรากฎว่าในการเปิดสอบเพื่อเข้ารับราชการในตำแหน่งดังกล่าว 150 อัตรา ปรากฎว่า มีผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกมากถึง 12,624 ราย ถือว่ามีอัตราการแข่งขันที่สูงมากถึง 1 ต่อ 84 โดยมีผู้ที่สอบผ่านข้อเขียน เพื่อเข้ารับการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง 895 ราย
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า จากนั้น วธ.ได้ประกาศขึ้นบัญชี และยกเลิกบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งนักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ สังกัดกองพระราชพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน ในวันที่ 21 มิถุนายน 2562 จำนวน 859 ราย ก่อนที่ วธ.จะออกประกาศยกเลิกการขึ้นบัญชี และการยกเลิกบัญชีผู้ได้รับคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2562 โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย อันเป็นสาระสำคัญของการสอบคัดเลือก แต่ไม่ได้แจ้งประกาศหลักเกณฑ์ให้ทราบโดยทั่วไป อาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ก่อให้เกิดความไม่โปร่งใส และไม่เป็นธรรม จึงมีผลให้ประกาศดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในวันเดียวกัน ก็ได้ออกประกาศเรื่องการขึ้นบัญชีและการยกเลิกบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการในตำแหน่งนักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ สังกัดกองพระราชพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน 859 ราย และให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกในลำดับที่ 1-150 ไปรายงานตัวเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2562
ด้านนายกฤษศญพงษ์ กล่าวว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราโชบายเกี่ยวกับพิธีการศพแก่ข้าราชการ บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ และประชาชนที่มีสิทธิตามหลักเกณฑ์ของสำนักพระราชวัง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยได้มอบให้ วธ.เป็นผู้ดำเนินการ ตนในฐานะปลัด วธ.รับสนองพระบรมราโชบายมาปฏิบัติด้วยความตั้งใจ และได้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด โดยศึกษางานจากสำนักพระราชวัง ชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงบประมาณ, สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.), สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ เป็นต้น โดยได้วางแผนการดำเนินงาน การคัดเลือกบุคคลากรตามที่ ก.พ.กำหนด
“กรณีมีการนำเสนอข่าวการร้องเรียนเป็นบัตรสนเท่ผ่านช่องทางสำนักงานปลัด วธ.และช่องทางต่างๆ นั้น วธ.ไม่ได้นิ่งนอนใจในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว โดยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสอบข้อเท็จจริงในทุกประเด็นที่มีการร้องเรียนโดยเร็ว ตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเป็นกระบวนการตามปกติที่ส่วนราชการจะต้องดำเนินการ หากผลการสอบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร จะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนที่ร้องเรียนไปยังหน่วยงานองค์กรภายนอก ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ โดยกระบวนการทางกฎหมายขององค์กรนั้นๆ” นายนายกฤษศญพงษ์ กล่าว
