‘ภาวิช’ อดีตนายกสภาม.นครพนม แจงหลังถูก ‘หมอประสงค์’ ตั้งกระทู้ถามบริหารมหา’ลัย ไม่โปร่งใส
เมื่อวันที่ 12 กันยายน นายภาวิช ทองโรจน์ อดีตนายกสภามหาวิทยาลัยนครพนม เปิดเผยกรณีที่ นพ.ประสงค์ บูรณ์พงษ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ที่ได้ตั้งกระทู้ถามในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการบริหารงานในมหาวิทยาลัยนครพนม ว่า ข้อความที่ นพ.ประสงค์นำมาอภิปรายนั้น ไม่เป็นความจริง ประการแรกรื่องที่อ้างว่าตนในฐานะนายกเดิมที่ต้องการดำรงตำแหน่งต่อนั้น ไม่เป็นความจริง ตาม พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนครพนม ได้บังคับว่าให้นายกสภา และกรรมการสภา ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นบุคคลภายนอก สามารถดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้ไม่เกิน 2 วาระ ซึ่งในกรณีของตนนั้นได้ดำรงตำแหน่งมาแล้วครบ 2 วาระ ดังนั้นจึงไม่สามารถดำรงตำแหน่งต่อได้อีก
นายภาวิชกล่าวว่า กรณีการสรรหานายกสภาคนใหม่ที่มาแทนตนนั้น ตนก็ได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมการสรรหา ทำหน้าที่เฟ้นหาตัวบุคคลได้เต็มที่โดยไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง และเมื่อผลการสรรหาปรากฏว่า ได้นายสุนทร บุญญาธิการ ตนก็มีความโล่งใจและมีความเห็นด้วยอยู่ในใจ เพราะทราบว่านายสุนทร เป็นศาสตราจารย์ที่มีประสบการณ์การทำงานแวดวงมหาวิทยาลัยมานาน ซึ่งในการลงคะแนนเพื่อคัดเลือกนายสุนทร นั้น ปรากฏว่าได้คะแนนเป็นเอกฉันท์ถึง 21 คะแนน ไม่ใช่ 5 เสียง
นายภาวิชกล่าวต่ออีกว่า ส่วนปัญหาอื่นที่อ้างว่ามีการทุจริตในการบริหารนั้น ขอชี้แจงว่า สภามหาวิทยาลัยในยุคของผมได้ทำการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของอธิการบดีอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา อีกทั้งได้เชิญให้หน่วยงานตรวจสอบภายนอก เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้าไปทำหน้าตรวจสอบ ซึ่งในช่วงที่ตนทำหน้าที่อยู่นั้นได้มีการเชิญ สตง. เข้าไปตรวจสอบไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง หากมีข้อท้วงติงใดๆ ที่ผิดสังเกตหรือเป็นประเด็นความเสี่ยงในการบริหารของมหาวิทยาลัย สภามหาวิทยาลัยจะมีมาตรการที่เหมาะสมทุกครั้งไป
“ที่จริง นพ.ประสงค์ก็เป็นผู้ใหญ่ ที่เป็นหลักของจังหวัดนครพนม มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ถือว่าเป็นของท่านด้วย เพราะผมเองก็เคยร่วมกับท่านในการทำหน้าที่เป็นกรรมาธิการแปรญัตติ ร่าง พ.ร.บ. ในขณะนั้น ผู้บริหารมหาวิทยาลัยในขณะนี้ก็เปรียบเป็นลูกหลานของท่าน ซึ่งหากท่านมีข้อข้องใจใดๆ หรือต้องการให้คำแนะนำ ก็สามารถเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่เรียกอธิการบดีมาเพื่อตรวจสอบและให้คำแนะนำ หรือแม้แต่ดุด่าโดยตรงได้อยู่แล้ว เพราะเชื่อว่า นพ.ประสงค์อาจได้ข้อมูลมาเพียงด้านเดียวและไม่ครบถ้วน อย่างน้อยการฟังข้อมูลทั้งสองด้านก็เป็นวิสัยที่ควรปฏิบัติ การตั้งกระทู้ถามในสภาด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นจริงซึ่งเผยแพร่ไปทั่วประเทศนั้น ก็ย่อมสร้างความเสียหายด้านชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยในระดับหนึ่ง ซึ่งอย่าลืมว่าก็คือมหาวิทยาลัยของท่านเอง” นายภาวิชกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภามหาวิทยาลัยนครพนมในสมัยที่นายภาวิช ทำหน้าที่นายกสภานั้น ได้เคยมีมติปลดอธิการบดีมาแล้วหนึ่งครั้ง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการบริหารและไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงาน