สถาบันเกษตรอินทรีย์ วชช.สระแก้ว สร้างงาน-พัฒนาชุมชนที่ราบเชิงเขา

สถาบันเกษตรอินทรีย์ วชช.สระแก้ว สร้างงาน-พัฒนาชุมชนที่ราบเชิงเขา

หนึ่งในพันธกิจที่สำคัญของวิทยาลัยชุมชน (วชช.) คือส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อสร้างความเข้มแข็งของท้องถิ่นและชุมชน ในปีงบประมาณ พ.ศ.2562 วิทยาลัยชุมชนจึงได้จัดตั้งแหล่งเรียนรู้สู่ชุมชนขึ้น จำนวน 16 แห่งทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็น แหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมและแหล่งเรียนรู้เพื่อการสร้างรายได้และพัฒนาอาชีพ สำหรับนักศึกษา คนในชุมชน ตลอดจนประชาชนที่สนใจ

วชช.สระแก้ว หนึ่งในแหล่งเรียนรู้เพื่อการสร้างรายได้และพัฒนาอาชีพ ได้นำแนวคิดโครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้ว-ปราจีนบุรี ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ต้องการแก้ปัญหาพื้นที่ตามแนวสันเขาที่ถูกบุกรุกจนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรกรรม โดยพระราชทานแนวทางการพัฒนา 3 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาจิตใจราษฎร การพัฒนาความรู้ด้านการประกอบอาชีพ และการจัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย มาปรับใช้กับสถาบันการเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ วิทยาลัยชุมชนสระแก้ว

แปรรูปกะลาอบสมุนไพรเป็นของที่ระลึก

นายศิระพจต์ จริยาวุฒิกุล ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนสระแก้ว เล่าถึงการดำเนินงานตามแนวทางพระราชทานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า เพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ให้กับนักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้วให้มีอาชีพ และรายได้ วชช.สระแก้ว ได้จัดตั้งสถาบันการเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ ขึ้นในปี พ.ศ.2552 บนพื้นที่ขนาด 125 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวม พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ทั้งระบบ โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนความรู้และเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อถ่ายทอดให้กับนักศึกษาและประชาชน ซึ่งปัจจุบันสถาบันการเรียนรู้เกษตรอินทรีย์เป็นที่เรียนภาคปฏิบัติของนักศึกษาหลักสูตรอนุปริญญา สาขาเกษตรอินทรีย์ ควบคู่กับเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อการสร้างรายได้และพัฒนาอาชีพ ตามนโยบายของ วชช.


นายศิระพจต์ จริยาวุฒิกุล ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนสระแก้ว

สถาบันการเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ วชช.สระแก้ว มีการจัดฐานการเรียนรู้ จำนวน 5 ฐาน ดังนี้ 1.ฐานสาธิตการปลูกผักอินทรีย์ 2.ฐานสาธิตการเลี้ยงสัตว์อินทรีย์ 3.ฐานสาธิตการผลิตเห็ด 4.ฐานสาธิตปัจจัยการผลิตพืชและสัตว์ และ 5.ฐานสาธิตการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรอินทรีย์ นอกจากนี้ยังได้พัฒนาหลักสูตรจากการลงพื้นที่สอบถามความต้องการของชาวบ้าน การใช้องค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ผลการศึกษาวิจัยและประสบการณ์จากการปฏิบัติจริงของเกษตรกร ทำให้ปัจจุบันมีหลักสูตรที่เป็นทางการถึง 60 หลักสูตร และยังมีหลักสูตรเสริมที่กำลังจะขยายผลต่อไป เพื่อถ่ายทอดข้อมูลที่ถูกต้องและมีประโยชน์อย่างสูงสุด

Advertisement

นอกจากการเรียนรู้ในสถาบันการเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ วชช.สระแก้ว ยังได้จัดโครงการศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนในพื้นที่ต่างๆ ภายในจังหวัดสระแก้ว อาทิ การส่งเสริมอาชีพจากไหมอีรี่ โดยให้ความรู้ตั้งแต่การเลี้ยงหนอนไหม พัฒนาเส้นใย การใช้เครื่องมือ การย้อมสีธรรมชาติ การทอผ้า และการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น อาหารเสริม สบู่ ตลอดจนหาตลาดรองรับผลิตภัณฑ์จากชาวบ้าน การส่งเสริมอาชีพจากการทำเกษตรอินทรีย์ โดยช่วยดูแลและให้ความรู้กับเกษตรกรใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.ปัจจัยการผลิต การทำปุ๋ยหมัก เตรียมดิน การจัดการฟาร์ม 2.การปลูก การเก็บเกี่ยวและเก็บเมล็ดพันธุ์ และ 3.การทำการตลาดแบบอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce)

เป้าหมายของสถาบันการเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ วชช.สระแก้ว นอกจากเป็นต้นแบบการทำเกษตรอินทรีย์สมัยใหม่แล้ว ยังเป็นต้นแบบการพัฒนาอาชีพ การเกษตรมาตรฐานเชิงพาณิชย์และการท่องเที่ยววิถีชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนพื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้ว ได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเป็นรูปธรรม สามารถพัฒนาองค์ความรู้ที่ได้รับให้กลายเป็นอาชีพหลัก เมื่อชาวบ้านสามารถดูแลตัวเองได้ ความสุขก็จะเกิดขึ้นกับคนในชุมชน

นางวันดี โคตรนาม อายุ 52 ปี อาชีพเกษตรกร ใช้เวลาว่างจากการทำเกษตรมาเลี้ยงไหมอีรี่ กล่าวว่า วชช.สระแก้วได้สนับสนุนการเลี้ยงไหมอีรี่แบบครบวงจร ซึ่งเลี้ยงง่าย ไม่เป็นโรค โดยหนอนไหมอีรี่กินใบมันสำปะหลังเป็นอาหาร เมื่อตัดใบมันมาเลี้ยงหนอนไหม สารอาหารก็จะถูกนำไปเลี้ยงหัวมันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวมันมีขนาดใหญ่ ได้ผลผลิตในปริมาณที่สูงขึ้น ขายได้ราคางาม ซึ่งเหมาะกับเกษตรกรในจังหวัดสระแก้วเพราะมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังจำนวนมาก นอกจากนี้ขี้หนอนไหมยังนำไปเป็นปุ๋ยได้อีก ทำให้ทุกวันนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม อยากให้คนในพื้นที่หันมาเลี้ยงไหมอีรี่มากขึ้น เพราะปัจจุบันผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด

Advertisement
นางวันดี โคตรนาม

ขณะที่ นายเอกพจน์ เจริญวงษ์ อายุ 46 ปี อาชีพเกษตรกร กล่าวว่า เคยเป็นพนักงานบริษัทเอกชนในกรุงเทพฯ รายได้ที่หามาได้แทบจะไม่พอค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน จึงกลับภูมิลำเนาที่จังหวัดสระแก้ว แรกๆ ทำการเกษตรโดยไม่มีความรู้ ทำให้ผลผลิตที่ได้ออกมาไม่ดี จึงเข้าไปเรียนรู้และทดลองทำเกษตรแบบอินทรีย์กับสถาบันการเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ของ วชช.สระแก้ว ได้เรียนรู้การเลี้ยงไส้เดือนจากมูลสัตว์และเศษผักผลไม้

นายเอกพจน์ เจริญวงษ์

การสร้างโรงเรือนและเพาะเห็ด การเลี้ยงหนูนา การปลูกผักและสมุนไพรแบบไม่ใช้สารเคมี การนำกะลามาอบสมุนไพรก่อนจะนำไปแปรรูปเป็นของที่ระลึก สร้างรายได้ให้ตนและครอบครัวเพิ่มมากขึ้น

ในอนาคตตั้งใจจะทำการเกษตรอินทรีย์ให้เต็มพื้นที่ เพื่อสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร อยากให้ทุก วชช.ช่วยนำความรู้มาให้กับชาวบ้าน เพราะนอกจากพัฒนาอาชีพแล้ว ยังพัฒนาความสามัคคีของคนในชุมชนอีกด้วย

บรรยากาศการเรียนในศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์

นับว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของวิทยาลัยชุมชน ที่นอกจากทำให้ผู้ที่จบการศึกษามีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ชุมชนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ด้วยวิธีการทำงานที่ผูกพันและแนบแน่นกับชุมชน เพื่อให้คนในชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image