ตะลึง!! เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ฯ แฉห้างดังกลางกรุงวางตู้คีบตุ๊กตาเกลื่อน ชี้เข้าข่ายการพนัน

เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนันในเวทีเสวนา “บ่อนตู้คีบหลอกเด็ก เต็มห้างเกลื่อนเมือง ลุงเห็นไหม” จัดโดยเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน ร่วมกับมูลนิธรณรงค์หยุดพนัน ว่า จากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้เข้มงวดลงพื้นที่จับกุมตู้คีบตุ๊กตาเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งสื่อได้เผยแพร่ข่าวสารเรื่องนี้ จนทำให้ตู้คีบตุ๊กตาที่พบเห็นกันทั่วไปจนชินตามห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ ตลาด และจุดต่างๆ ในชุมชน กลายเป็นที่สนใจของสังคม เกิดคำถามตามมาว่าตู้คีบตุ๊กตาเป็นการพนันหรือไม่ กระทั่งได้ข้อสรุปว่าตู้คีบตุ๊กตาแท้จริงแล้วคือการพนัน ตาม พ.ร.บ.การพนัน 2478 บัญชี ข. หมายเลข 28 และเคยมีคำพิพากษาของศาลฎีกาเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่าเป็นการพนัน แต่ปัจจุบันกลับพบเห็นตู้คีบตุ๊กตาเป็นจำนวนมาก ทั้งที่กรมการปกครองมีนโยบายไม่ให้เจ้าพนักงานออกใบอนุญาตให้มีการเล่นการพนันดังกล่าวโดยเด็ดขาด ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0307.2/ว 3810 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2549

นายณัฐพงศ์กล่าวอีกว่า ทางเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน และมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้ลงพื้นที่สำรวจตู้คีบตุ๊กตาในห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า 10 จังหวัด จำนวน 92 ห้าง พบว่า 75 ห้าง มีเครื่องเล่นตู้คีบตุ๊กตากว่า 1,300 ตู้ พบเยอะสุดที่ห้างเดอะมอลล์บางกะปิ แฟชั่นไอส์แลนด์ เดอะมอลล์ท่าพระ เมเจอร์ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัลพระราม 3 ตามลำดับ ซึ่งเปิดให้บริการอย่างเปิดเผย และโจ่งแจ้งในบริเวณโซนเครื่องเล่น โรงภาพยนตร์ ศูนย์อาหาร หน้าห้องน้ำ และทางเข้าออกห้างสรรพสินค้า เป็นจุดที่เข้าถึงได้โดยง่าย ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่มีการควบคุมอายุของผู้เล่น พบมีเด็กและเยาวชนเข้าเล่นเป็นจำนวนมาก และไม่พบใบอนุญาตให้สามารถเล่นการพนันตู้คีบตุ๊กตาได้ นอกจากนี้ ยังพบข้อความเพื่อบิดเบือนความจริง เช่น ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ สินค้านี้ไม่ใช่เครื่องมือการพนัน มีไว้เพื่อการขายสินค้าเท่านั้น และข้อความบอกลักษณะของตู้คีบถูก และผิดกฎหมาย เพื่อหลอกให้ผู้เล่นสับสน และเข้าใจผิด นอกจากนี้ ทางเครือข่ายฯ ได้สอบถามความเห็นประชาชน อายุ 15 ปีขึ้นไป ที่เข้าใช้บริการในห้างสรรพสินค้าเกี่ยวกับตู้คีบตุ๊กตา จำนวน 1,004 คน กว่า 80% เคยมีประสบการณ์การเล่นตู้คีบตุ๊กตา และเกินกว่าครึ่งไม่ทราบว่าตู้คีบตุ๊กตาเป็นการพนัน

“ทางเครือข่ายฯ ขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาตู้คีบตุ๊กตาผิดกฎหมาย ร่วมปกป้องเด็กและเยาวชนไม่สร้างพฤติกรรมความคุ้นชิน และทัศนคติที่ดีต่อการพนัน ประชาสัมพันธ์กฎหมายสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สังคม และขอเรียกร้องไปยังห้างสรรพสินค้าผู้อนุญาตให้ใช้สถานที่ในการตั้งตู้คีบตุ๊กตา ให้ยุติการให้บริการตู้คีบตุ๊กตาดังกล่าวในห้างของตน เพราะหากเจ้าของสถานที่ทราบว่าตู้คีบตุ๊กตาเป็นการพนันประเภทหนึ่ง แล้วยังอนุญาตให้ใช้สถานที่ในการตั้งตู้คีบตุ๊กตา เจ้าของสถานที่อาจมีความผิดร่วมด้วย” นายณัฐพงศ์ กล่าว

น.ส.สุภาพิชญ์ ไชยดิษฐ์ ประธานสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนเองเคยมีประสบการณ์เล่นตู้คีบตุ๊กตาเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆ ไป แต่ก็ไม่ได้คิดว่าผิดอะไร แต่พอได้เข้ามาทำงานรณรงค์หยุดการพนันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็เริ่มตั้งคำถามเรื่องตู้คีบตุ๊กตาว่าเข้าข่ายเป็นการพนันหรือไม่ เพราะนิยามของการพนันคือการนำเงินไปวางเดิมพัน กับกิจกรรมที่มีความเสี่ยง หรือความไม่แน่นอน โดยมีของรางวัลเป็นสิ่งตอบแทน และเมื่อทราบข่าวว่าศาลฎีกาตัดสินคดีเกี่ยวกับตู้คีบตุ๊กตา ตนมั่นใจทันทีว่าตู้คีบตุ๊กตาเข้าข่ายเป็นตู้เล่นการพนัน ต้องยอมรับว่าตู้คีบตุ๊กตาคือหนึ่งในเครื่องเล่นที่แทบจะเดินผ่านกันได้ยาก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด ไม่ใช่การห้าม หรือการแบน แต่เป็นการจัดการอย่างมีมาตรการควบคุม” น.ส.สุภาพิชญ์ กล่าว

Advertisement

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า พ.ร.บ.การพนันเปิดช่องให้มีการเล่นพนันบางชนิดได้ตามวาระโอกาสอันสมควร ที่สำคัญต้องได้รับการอนุญาตก่อน แต่ตู้คีบตุ๊กตาไม่เคยได้รับการอนุญาต และมีเล่ห์เหลี่ยมในการหลอกเด็กหลายซับหลายซ้อนมาก การพนันบางลักษณะไม่ใช่สิ่งต้องห้าม แต่ไม่ใช่จะปล่อยเสรี ต้องถูกควบคุม กรณีตู้คีบตุ๊กตานี้จะต้องได้รับอนุญาตก่อน จึงจะจัดให้เข้าเล่นได้ และต้องประกาศชัดเจนว่าเป็นตู้เล่นพนัน จัดให้อยู่ในที่ในทางที่เป็นสัดส่วน และต้องไม่อนุญาตให้เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าเล่น ที่สำคัญ ต้องควบคุมไม่ให้เอาเปรียบผู้เล่น ซึ่งไทยยังขาดหน่วยงานที่จะมาทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง อยากฝากบอกผู้ใหญ่ว่า เรื่องการพนันไม่ควรเลี่ยงบาลี หรือหลอกเด็กว่าไม่ใช่การพนัน บอกอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้มีภูมิความรู้ว่า อะไรคือพนัน และมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะชนะพนัน ที่สำคัญทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบในการกำกับควบคุมการเล่นพนันอย่างจริงจังไม่ปล่อยปละละเลย

น.ส.รสนา โตสิตระกูล นักรณรงค์ด้านสุขภาพและสิทธิผู้บริโภค กล่าวว่า หน่วยงานราชการต้องไม่ปล่อยปละละเลย ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของ มท.อย่างเข้มงวด และต้องเอาจริงเอาจังในการปราบปรามบังคับใช้กกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาการพนันที่เป็นอันตรายต่อเด็กเยาวชน บ่มเพาะนิสัยคนชอบเสี่ยงโชค ทั้งนี้ เครือข่ายภาคประชาชนและสังคม ต้องร่วมเฝ้าระวังเป็นหูเป็นตาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงไม่ให้เยาวชนไทยต้องตกอยู่ในวังวนนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image