สุวิทย์ ชู ‘BCG Model’ ความหวังประเทศ จี้มหา’ลัยปรับหลักสูตรตอบโจทย์การพัฒนา

สุวิทย์ ชู ‘BCG Model’ ความหวังประเทศ จี้มหา’ลัยปรับหลักสูตรตอบโจทย์การพัฒนา

เมื่อเวลา 10.00  น. วันที่ 15 มกราคม ที่ห้องอินฟินิตี้ โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ รางน้ำ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  บรรยายพิเศษ BCG Model โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ภายในงานสัมมนา “2020 ปีแห่งการลงทุน : ทางออกประเทศไทย” ที่จัดโดยเครือมติชน ตอนหนึ่งว่า ปี2020 ถือเป็นการลงทุนที่แท้จริง ไม่ลงทุนไม่ได้ ประเทศไทยเราขับเคลื่อนมาตลอด ทั้งนี้ ความท้าทายของประเทศไทยในระยะเปลี่ยนผ่าน เราติดอยู่ในกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางมานาน ดังนั้น ไม่มีการลงทุนไม่ได้ ถ้าไม่มีการลงทุนจะไม่สามารถทำให้ประเทศไทยออกจากกับดักรายได้ปานกลางได้ คำถามคือต้องใช้เวลากี่ปีผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือ GDP ของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หากเราอยู่ที่ 3 % ต้องใช้เวลามากถึง 23 ปี 4% ใช้เวลา 17.5 ปี 5% ใช้เวลา14 ปี 6% ใช้เวลา 11.7 ปี  สิ่งที่เราต้องทำไปคือคิดใหม่ เป็นการลงทุนเชิงคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ ทำอย่างไรจะสร้างพลังประชาชน ตรงนี้นำมาสู่การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศไทยแลนด์ 4.0 อย่างไรก็ดี การเติบโตเชิงปริมาณไม่ตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน การเติบโตเชิงคุณภาพ เท่านั้นจึงจะตอบโจทย์ การเติบโตเพื่อยกระดับมาตรฐานและคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยส่วนใหญ่ การเติบโตที่ลดทอนวัตถุนิยม ความเห็นแก่ตัว การมองประโยชน์ระยะสั้นเป็นจุดอ่อนของทุนนิยมในปัจจุบัน การลงทุนจากนี้ไปคือการลงทุนในองค์ความรู้และทรัพย์กรมนุษย์ เชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะทำให้ประเทศไทยไปข้างหน้าในศตวรรษที่ 21

ดร.สุวิทย์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยติดกับดักใน 3 เรื่องคือ กับดักประเทศรายได้ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล้ำ และกับดักความไม่สมดุล จะแก้ได้ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Model โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ใน 6 มิติ ตอบโจทย์ประเทศไทยด้านความหลากหลาย เชื่อมโยงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตอบโจทย์ 10 ใน 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุม 5 ใน 10 อุตสาหกรรม S-Curve และกระจายโอกาสและความมั่งคั่งสู่เศรษฐกิจฐานราก และเศรษฐกิจภูมิภาค ขณะเดียวกัน BCG Model ยังเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจแบบทั่วถึง ทั้งอาหารและการเกษตร  สุขภาพและการแพทย์ พลังงานวัสดุ และเคมีชีวภาพ การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ BCG Model จะผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบทั่วถึง ซึ่งประเทศไทยมีความหลากหลายใน 2 ด้าน คือ ความหลากหลายทางชีวภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรม


ดร.สุวิทย์กล่าวต่อว่า ความท้ายทายในการพัฒนาประเทศที่ต้องเร่งเดินไปข้างหน้า คือ  มี 12 ล้านคน ทำงานในภาคเกษตร แต่ 90% ของพื้นที่เพาะปลูก ปลูกพืชเพียง 6 ชนิด คือ ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด ความท้าทายคือ ราคาเกษตรผันผวน เกษตรกรรายได้ต่ำ ทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรม และแรงงานภาคเกษตรมีอายุมากขึ้น  1 แสนล้านบาท นำเข้าผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ความท้าทายคือการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การพึ่งพาการนำเข้ายา วัสดุ และอุปกรณ์ทางการแพทย์จากต่างประเทศ ขณะที่ 60% ของพลังงานนำเข้าจากต่างประเทศ  15.5% ของพลังงานในประเทศ มาจากพลังงานหมุนเวียน ความท้าทายคือการจัดหาพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต และการลดการนำเข้าพลังงาน ส่วนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งเรามีรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท มากเป็นอันดับ 4 ของโลก แต่ 80% ของนักท่องเที่ยว กว่า 35  ล้านคน กระจุกตัวอยู่ใน 8 จังหวัด ความท้าทายในเรื่องนี้คือนักท่องเที่ยวมากเกินรองรับ ดังนั้น จึงเกิดเป็นการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง และปัญหาทรัพยากรเสื่อมโทรม

Advertisement

“เรามองไปข้างหน้า อีก 5 ปี ข้างหน้า ตั้งเป้าว่าจะเพิ่มการจ้างงานเป็น 20 ล้านคน สร้างรายได้ 4.4 ล้านบาท คิดเป็น 24% ของ GDP จากนี้ไปมหาวิทยาลัยจะต้องปรับหลักสูตรที่ตอบโจทย์ BCG สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI จะต้องเข้ามาช่วย ทำให้ BCG ก้าวสู่ระดับโลกได้ ถ้าเราทำให้เกิดการลงทุนแบบนี้ต่อเนื่องไปอีก 10 ปี จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างแท้จริง ผ่านการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยได้ตั้งกรรมการขึ้นมา 2 ชุด คณะกรรมการชุดใหญ่ที่จะขับคลื่อนนโยบาย BCG ประกอบด้วย 8-9 กระทรวงใหญ่ มีนายกฯ เป็นประธาน ให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธาน และตั้งกรรมการบริหารให้ตนเป็นประธานกรรมการบริหาร ขับเคลื่อน BCG ผ่านพหุภาคี หวังเป็นอย่างยิ่ง 4.0 ที่พูดกันเป็นไปได้ เมื่อเรามองเป็นรูปธรรมผ่าน BCG จะทำให้เราสามารถก้าวข้าม 3 กับดักประเทศ ทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศได้ลืมตาอ้าปาก  เดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทั้งหมดนี้เป็นความหวังของประเทศไทย ทั้งหมดนี้ไปเป็นไปได้แน่นอน ถ้ามีความเปลี่ยนแปลงการลงทุนแบบใหม่ที่จะไปตอบโจทย์ในส่วนนี้” ดร.สุวิทย์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image