ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
คืบหน้ากรณี ที่ “มติชน” ได้รับแจ้งจากผศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ามีการพบชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ พร้อมเศษถ่านไม้ซึ่งคาดว่าเป็นไม้จันทน์บริเวณชุดฐานพระปรางค์วัดระฆังโฆษิตาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ขณะคนงานกระเทาะพื้นผิวปูนด้านนอกเพื่อบูรณะตามโครงการบูรณะฏิสังขรณ์วัดที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม แต่กลับพบโพรงลึกเข้าไปด้านใน มีเศษกระดูก ไม้เผาไฟและกรวด แพทย์รายดังกล่าวได้ตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นอัฐิของผู้สร้างปรางค์องค์นี้ คือ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี พระเชษฐภคินี (พี่สาว) ในรัชกาลที่ 1 เพราะหากไม่ใช่บุคคลสำคัญจริงๆ คงไม่ได้ถูกนำมาบรรจุไว้ในพระปรางค์องค์สำคัญของวัด จึงอยากให้ผู้รู้ร่วมกันตรวจสอบ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการศึกษานั้น
ล่าสุด วันที่ 29 มิถุนายน นายบุญเตือน ศรีวรพจน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร กล่าวว่า ถ้าเก็บในสถานที่แบบนี้ ไม่ใช่คนธรรมดา อีกทั้งเศษไม้เผาไฟที่พบซึ่งคาดว่าเป็นไม้จันทน์นั้น ใช้เฉพาะเผาศพเจ้านาย จึงเชื่อว่าอัฐิ หรืออังคารดังกล่าว เป็นของเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี พระเชษฐภคินี (พี่สาว) ในรัชกาลที่ 1 เนื่องจาก วัดระฆังโฆษิตาราม อยู่ในพื้นที่ส่วนของ “วังหลัง” ซึ่งผู้ครองวังหลังผู้อุปถัมภ์วัดดังกล่าวมาโดยตลอดคือ กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือ ท่านทองอิน โอรสของกรมพระยาเทพสุดาวดีนั่นเอง
นอกจากนี้ ตนยังทราบมาว่า ทางวัดมีการทำบุญเพื่อถวายพระราชกุศลให้ กรมพระยาเทพสุดาวดีทุกปี โดยต้องโยงสายสิญจน์ไปยังพระปรางค์องค์ที่พบอัฐิด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสังเกต อย่างไรก็ตาม ยังมีเจ้านายพระองค์อื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับวัดระฆัง แต่ตนไม่เชื่อว่าจะถูกบรรจุไว้ในพระปรางค์องค์นี้
“พระศพเจ้านายองค์สำคัญ ส่วนใหญ่เผาที่วัดระฆัง เช่น เจ้าครอกทองอยู่ ซึ่งมีเขียนอยู่ในนิราศเมืองเพชรของสุนทรภู่ แต่น่าจะบรรจุไว้ในเจดีย์แยกออกไปต่างหาก เท่าที่รู้ วัดระฆัง ฯ มีการทำบุญทุกปี โดยถวายพระราชกุศลให้เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี พระเชษฐภคินีในรัชกาลที่ 1 น่าสังเกตว่าต้องโยงมาที่พระปรางค์องค์นี้”
นายบุญเตือนยังกล่าวอีกว่า ความจริงแล้ว เดิมน่าจะมีภาชนะบรรจุ อาจเป็นหีบ กล่อง หรือลุ้ง (ภาชนะใส่อัฐิเพื่อนำไปลอยน้ำ) คงไม่ใช่การนำกระดูกมากองไว้ในโพรงเฉยๆ
“ของเดิมน่าจะอยู่ในภาชนะที่บรรจุ มีของบริวารเป็นเครื่องบูชา คงไม่ใช่การเจาะรูแล้วเอาเถ้าถ่านไปกองกับพื้นเฉยๆ เท่าที่ทราบ เห็นว่ามีร่องรอยภาชนะบรรจุในโพรงที่เจาะเข้าไปด้วย ถามว่าของเหล่านั้นหากมีอยู่จริงแล้วหายไปไหน จริงๆแล้วกรมศิลปากรต้องเข้าไปดูแล” นายบุญเตือนกล่าว