‘ครูตั้น’ เปิดศูนย์แก้ปัญหาเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ ย้ำเอาจริง พบ ‘ครู’ ทำผิด สั่งถอนตั๋วทันที ประสานสตช. กันคุกคามเด็ก
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน เปิด ศูนย์คุ้มครอบและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา ซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ ศธ.(ศคพ.) ว่า ศธ. ตั้งศูนย์ ศคพ. ขึ้นมา เพื่อยุติหรือลดปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศให้น้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ โดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียนที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง ควรเป็นสถานที่ปลอดภัย ให้ความอบอุ่นกับนักเรียน ที่ผ่านมายอมรับว่า มีกระบวนการหลายอย่างทำให้ศธ. ไม่สามารถบริหารจัดการปัญหานี้ได้ การตั้งศูนย์นี้ขึ้นมา เพื่อทำให้การแก้ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว รอบคอบและเด็ดขาดมากที่สุด ในการทำให้ผู้ที่กระทำกับเด็ก โดยเฉพาะครู ซึ่งแม้จะมีส่วนน้อยแต่ก็ไม่ควรวนเวียนอยู่ในสังกัดศธ. ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม จากเดิมที่ผ่านมาครูที่ทำผิดในเรื่องนี้ บางคนยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในศธ.
“ตั้งแต่ต้นปีศธ. วางมาตรการให้ครู หรือบุคลากรทางการศึกษา ที่ทำการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ถูกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการต่อสู้กับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ฝ่ายสื่อสารไปยังนักเรียน ผู้ปกครองและทุกคนที่อยู่ในโรงเรียน หากเจอปัญหาเหล่านี้ ให้ประสานมายังศคพ. ซึ่งตั้งขึ้นมาพิเศษดูแลเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศ จากเดิมที่การแก้ปัญหาจะรวมกับเรื่องอื่น อาทิ ยาเสพติด เพราะมองว่า เรื่องการล่วงละเมิดทางเพศจะเกิดขึ้นและอยู่ในโรงเรียนไม่ได้อย่างเด็ดขาด ส่วนที่มองว่า ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ถูกซุกไว้ใต้พรม สุดท้ายจะแก้ได้ด้วยการยอมความและจ่ายค่าเสียหาย นั้น อาจเป็นเพราะอดีต ยังไม่มีใครให้ความมั่นใจกับนักเรียนและผู้ปกครอง ว่าจะมีการนำตัวคนผิดมาลงโทษได้ แต่ขณะนี้ศธ. สร้างความมั่นใจให้นักเรียนและผู้ปกครอง ว่าไม่จำเป็นต้องยอมกับอำนาจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่หรือให้สินบน ทุกคนต้องร่วมมือกันอย่างให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะในโรงเรียน ผมพร้อมที่จะนำบุคลากรของศธ. ต่อสู้กับเรื่องนี้ ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตคงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แต่อยากให้นำมาเป็นอุทาหรณ์ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาในอนาคต”นายณัฏฐพล กล่าว
รัฐมนตรีว่าการศธ. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ได้เมื่อเร็ว ๆ นี้ยังได้รับรายงาน กรณี ผู้ปกครองร้องเรียน ครูพละศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ทำการอนาจารเด็กป.6 วัย 12 ปี ซึ่งครูรายดังกล่าวเป็นครูอัตราจ้าง แต่ยังมีใบประกอบวิชาชีพฯ ดังนั้นคงต้องดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตฯ ต่อไป อย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้สามารถแจ้งต่อศคพ.ได้โดยตรง เพื่อให้ความเป็นธรรม โดยต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว และรอบคอบ ไม่ใช่ใช้เวลานานอย่างในอดีต ส่วนการแก้ต่างในชั้นศาลที่เป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งตั้งแต่ที่ศธ. มาเอาจริงกับเรื่องนี้ พบว่า มี 16 คดีที่มีการกล่าวโทษผู้กระทำความผิด ให้ออกจากราชการชั่วคราว และเพิกถอนใบอนุญาตฯ จนกระทั่งกระบวนการยุติธรรมจะเสร็จสิ้น ดังนั้น ศธ.ทำทุกอย่างตามกฎหมาย และมีการนำกฎระเบียบมาบังคับใช้อย่างจริงจัง ไม่เว้นแม้กระทั่ง กรณีการพูดจาไม่เหมาะสม สองแง่สองง่ามของครู ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในโรงเรียน ส่วนนักเรียนที่กังวลว่าจะถูกคุกคาม หากออกมาเปิดเผยเรื่องนี้นั้น ตนได้ทำเรื่องถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)เสนอการทำความร่วมมือ เพื่อต่อสู้กับกระบวนการเหลื่อนี้ เพื่อให้ผู้ปกครองและนักเรียนมีความมั่นใจ