ฉากต่อฉาก ! บรรยากาศ “รับน้อง” 50 ปีก่อนจาก “หนุ่มหน่ายคัมภีร์” ถึงตอนนี้ เหมือนหรือต่าง ?

#แชร์วนไปได้อีกค่ะ เพราะมีหลุดมาให้เห็นทุกปี สำหรับบรรยากาศ “รับน้อง” ที่ออกแนวสยองขวัญสั่นโสตประสาท โดยล่าสุดปีนี้ เป็นภาพชุดที่อ้างว่าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดัง มีทั้งคำสั่งให้น้องใหม่แปรงฟันด้วยพริกแกง คลุกโคลนตม ซุกตัวในถังขยะ และอื่นๆอีกมากมาย

กิจกรรมสุดสร้างสรรค์ในทางที่สากลโลกไม่ยอมรับเหล่านี้ ยังไม่นับการ “ว้าก” ที่รุ่นพี่ผู้อ้างว่ามีประสบการณ์มากกว่า มาละเลงถ้อยคำส่อเสียด รุนแรง เชือดเฉือน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า ในยุคสมัยนี้ยังมีอยู่จริงๆ
แล้วก็เป็นดังเช่นทุกปีที่วรรณกรรมอมตะที่ต่อต้านระบบโซตัสอย่าง “หนุ่มหน่ายคัมภีร์”ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ เมื่อครั้งยังหนุ่มฟ้อ ถูก “แชร์วนไปค่ะ” อย่างมิได้นัดหมาย
เพราะบอกเล่าบรรยากาศการรับน้องใหม่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านท่าช้างที่ผู้เขียนเข้าเรียนเป็น “เฟรชชี่” ชั้นปีที่ 1 ซึ่งหากไม่บอกว่าบทพูดและข้อความเหล่านั้นถูกเขียนและตีพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ พ.ศ.2512 หรือ 47 ปีก่อน หลายคนก็อาจคิดว่าเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดในปีนี้

ทว่า ตัวเอกของเรื่องคือนายทองปน บางระจัน ไม่ได้พินอบพิเทาเอาใจรุ่นพี่ ไม่มีการศิโรราบต่อระบบอาวุโสหรือ “ซีเนียริตี้” ที่เขามองว่าไม่เป็นธรรม ในขณะที่ใน พ.ศ.2559 ยังปรากฏภาพรุ่นน้องที่เข้าร่วมกิจกรรมไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ จะด้วยเหตุหรือผลใดก็ตาม

มาย้อนอ่านถ้อยความ พร้อมจินตนาการถึงบรรยากาศในยุคเก่าก่อน แล้วสะท้อนมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ปัจจุบันว่าสังคมและระบบการศึกษาของเรานั้นก้าวไกลหรือสุดท้ายยังคงย่ำอยู่กับที่ ?

Advertisement

รับน้องใหม่ ต้องใช้เงินเพียบ !

รุ่นพี่ : น้องใหม่ทั้งหลาย พี่จะจัดงานต้อนรับน้องในวันศุกร์ที่ 7 เดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ งานรับน้องใหม่ของเราจะต้องเป็นงานที่เชิดหน้าชูตาเราที่สุด เพราะรุ่นพี่ทุกคนต้องการจะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้น้องใหม่บังเกิดความภาคภูมิใจ เพราะจะต้องมีแขกเหรื่อจากสถาบันต่างต่างทั่วประเทศไทย ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินทองเป็นจำนวนมาก และจะต้องได้รับความร่วมมือจากน้องใหม่ด้วย …น้องใหม่ทุกคนจะต้องช่วยกันหาโฆษณามาคนละอย่างน้อยหนึ่งราย ทุกคนต้องหาให้ได้ ถ้าไม่ได้จะถือว่าไม่ให้ความร่วมมือกับพี่ ซึ่งเราจะต้องพิจารณากันด้วยระบบซีเนียริตี้อันแข็งแกร่งของเรา
ใครข้องใจบ้าง—ยกมือขึ้น
ทองปน บางระจัน : กูหัวเราะหึหึในใจคนเดียว ไอ้ห่า ไหนว่ารักน้องใหม่ มันรักแบบไหนของมันวะ

หนุ่มหน่ายคัมภีร์ ฉบับพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2512
หนุ่มหน่ายคัมภีร์ ฉบับพิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2512

รุ่นพี่ผมยาว-ตะคอก-สั่งวิ่ง : เหตุการณ์จริงที่ยังไม่เคยเปลี่ยน ?

รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งไว้ผมยาวเหมือนลิงอุรังอุตัง ตะคอกสั่งว่าวิ่งไปข้างหน้าสามสิบสองก้าวครึ่ง แล้วตะโกนบอกชื่อมาให้ดังที่สุด
กูยิ้มยิ้มแล้วก็วิ่งเหยาะไปสามสิบสองก้าวเท่านั้นเอง ก็หันกลับมาทางรุ่นพี่
กูชักสนุกเลยตอบสวนไปว่า-ชื่อทองปน นามสกุลบางระจันโว้ย

กิจกรรมรับน้องใหม่โดย "รุ่นพี่" มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559
กิจกรรมรับน้องใหม่โดย “รุ่นพี่” มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559

สวัสดี เคารพ ทักทาย : คาถาน้องใหม่ที่ต้องบริกรรม ?

“รู้สึกยินดีที่มีน้องเพิ่มขึ้นอีก—ไม่มีอะไรจะพูด—น้องใหม่น่ารักทุกคน—พี่ตื้นตันไปหมด—ขอให้ทำตัวน่ารักตลอดไป—ไม่อยากจะพูดมาก แต่ขอให้ประพฤติตัวให้ดี—อย่าดื้ออย่ารั้น—พี่พูดไม่ค่อยเป็น—ถ้าเห็นรุ่นพี่เดินมาต้องสวัสดีทุกครั้ง—ต้องทักทายรุ่นพี่ก่อน—พี่ไม่อยากพูดมากนัก—เฮ้อ-กูรำคาญใจจริงจริง ไม่นึกเลยว่ามหาวิทยาลัยจะสอนคนให้พูดปัญญาอ่อนหยั่งงี้

Advertisement

กูนั่งเหม่อมองไปที่รุ่นพี่กำลังพูด—พูดแล้วพูดเล่า คนแล้วคนเล่า กูจับใจความอะไรไม่ได้มากนัก เพราะทุกคนดูจะมุ่งอยู่ที่ให้น้องใหม่เคารพรุ่นพี่ เชื่อฟังรุ่นพี่ กูคิดว่ามันไม่มีความหมาย กูจึงขี้เกียจฟัง พูดมากไปน่าเบื่อ

หนุ่มหน่ายคัมภีร์
หนุ่มหน่ายคัมภีร์ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7

เคร่งครัดแต่งกาย ช่วยให้เรียนเก่งไหม ตอบ !

รุ่นพี่คนนั้นโกรธมากที่เห็นกูแต่งกายไม่เรียบร้อย ยกชายเสื้อกูเพื่อดูเข็มขัด เมื่อไม่เห็นหัวเข็มขัด หล่อนจึงโวยวายว่ากูไม่มีหัวเข็มขัดของมหาวิทยาลัย ขอให้หัวหน้านักศึกษาลงโทษ แต่กูยังเฉยเฉย ยืนนิ่งอยู่มิไหวติง

หัวหน้าคณะตะโกนถามกูว่าทำไมแต่งตัวไม่ถูกระเบียบ

กูจึงบอกว่าระเบียบต่างหากที่วางไว้ไม่ถูก
เสียงถามมาว่าไม่ถูกยังไง

กูจึงตอบว่า มีอย่างที่ไหน ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยแล้วยังต้องมากำหนดสีเสื้อสีกางเกง ขนาดของกางเกง ความกว้างของขากางเกง สารพัดจิปาถะ มิหนำซ้ำยังกำหนดถุงน่องรองเท้า ระเบียบเมื่อสิบปีที่แล้วก็ยังคงเอามาใช้ กาลเวลามันเปลี่ยนไป แฟชั่นใหม่เข้ามาแทน ความนิยมของสังคมบ้าง ความนิยมส่วนตัวบ้าง ทัศนคติทางการแต่งกายบ้าง มันคงเส้นคงวาที่ไหนเล่า—แล้วก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องมากำหนดกัน แต่งตัวตามระเบียบเชยเชยนั้นเรียนเก่งขึ้นหรือเปล่า ..

เงียบกันหมดเลยว่ะ กูว่าแล้ว

กูรู้ดีว่า มันไม่มีอะไรรุนแรงเกินไปหรอก รุ่นพี่ที่ซ่อมน้องใหม่นั้น ก็เปรียบเสมือนหมาเห่าใบตองแห้ง ลงได้เจออีหรอบนี้ก็หมดท่าไปทุกราย

รับน้อง 2559
รับน้อง 2559

บังคับขู่เข็ญ  มะๆๆๆมันเป็นไปด้วย “รัก”

ประธานเชียร์พูดไปถึงตอนที่ว่า—รุ่นพี่ทำทุกสิ่งทุกอย่างลงไปด้วยความรักความเมตตา ด้วยจุดปรารถนาที่จะให้น้องใหม่รู้สึกว่านี่เป็นการต้อนรับจากรุ่นพี่ รุ่นพี่ทุกคนต้องการที่จะทดลองสปิริตน้องใหม่ว่ามีความสามัคคีกลมเกลียว มีความเคารพเชื่อฟังรุ่นพี่ขนาดไหน เท่าไร สังคมใดใดก็ตามที่ปราศจากการเคารพในฐานะซึ่งกันและกัน สังคมนั้นก็ย่อมจะถึงกาลวุ่นวาย ฉิบหายลงในที่สุด การที่น้องจะไม่เคารพพี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ รุ่นพี่ทุกคนไม่ต้องการให้รุ่นน้องเป็นคนแข็งกระด้าง รุ่นพี่ไม่ต้องการให้รุ่นน้องกลายเป็นคนที่ไม่มีสัมมาคารวะ การบังคับขู่เข็ญต่างต่าง การกลั่นแกล้งทดลองสปิริตบางอย่าง เป็นเพียงเทคนิคอย่างหนึ่งที่รุ่นน้องจะต้องเชื่อฟัง และจะต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไข

เขี่ยวัฒนธรรม เหยียบย่ำประเพณี  ?

ประธานเชียร์ขัดจังหวะพูดเป็นนักวัฒนธรรมว่า นายเข้ามาอยู่บ้านของคนอื่นเขาที่มีวัฒนธรรมอย่างนี้ แล้วนายจะมาฝืนเขาได้อย่างไร ประเพณีการรับน้องใหม่เขาทำสืบต่อกันลงมานับเป็นสิบสิบปี นายมาถึงนายจะมาเขี่ยวัฒนธรรมของเขาให้กระเด็นออกไปมันจะถูกเรื่องหรือเล่า
กูจึงว่า ถามจริงจริงเถอะ ก็มนุษย์นั้นนุ่งห่มใบไม้มาตั้งแต่สมัยหิน ทำไมพี่ไม่ไปนุ่งห่มใบไม้เล่า พี่ทำไมทำลายวัฒนธรรมของคนสมัยหินซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์อย่างพี่เล่า มนุษย์สมัยหินอาศัยอยู่ตามป่าตามถ้ำ มนุษย์สมัยนี้ เสือกมาสร้างบ้านเรือน ตึกรามอยู่ทำไม –อย่างนี้มิเป็นการทำลายวัฒนธรรมของมนุษย์ด้วยกันหรือ

หนุ่มหน่ายคัมภีร์ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 9
หนุ่มหน่ายคัมภีร์ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 9 (ยังมีจำหน่ายที่  เฟซบุ๊ก Ituibooks https://www.facebook.com/ituibooks/?fref=ts

ซีเนียริตี้อยู่ในหัวใจไทยทุกคน

ทองปน : “ไม่ได้โกรธไม่ได้เคืองอะไรนักหนาหรอก แต่มันแสนรำคาญสิ้นดี กูมองรุ่นพี่อย่างตัวอะไรตัวหนึ่งเท่านั้นเอง มันช่างเป็นตัวจริงจริง ไม่ได้มีความนึกความคิดอะไรเลย อยากจะให้กูเคารพเชื่อฟัง แต่ทำยังกะอยู่ในรัชสมัยพระเจ้าง่วนสีโจ๊วฮ่องเต้ต้องกะเกณฑ์ ต้องกำหนดโทษถ้าหากว่าไม่เคารพ ช่างไม่มองตัวเองกันบ้างเสียเลยว่ามันน่าเคารพตรงไหนกันบ้าง
คนเราอยู่อยู่ก็จะให้เคารพกันโดยไม่มองตาม้าตาเรือตาขุนตาโคนใดใดทั้งสิ้นอย่างนั้นหรือ ความจริงถ้าจะให้เคารพกันแล้ว ความเคารพมันมาโดยอัตโนมัติ โดยธรรมเนียมไทยมันก็มีซีเนียริตี้อยู่ในหัวใจทุกคนแหละ ไม่ต้องมีใครมาบังคับขู่เข็ญหรอก”

นี่คือส่วนหนึ่งของฉากการรับน้องเมื่อราวครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ที่หลายคนบอกว่าแทบไม่ต่างจากปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดกลุ่มแอนตี้โซตัส ต่อต้านกิจกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ในการรับน้องใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ

อาจเป็นบทพิสูจน์ว่า “ทองปน บางระจัน” ยังอยู่ เขาไม่เคยตาย 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image