‘สุภัทร-สุเทพ’ รับตำแหน่งใหม่ เร่งดันแผนกศ.ชาติ-กศ.ยกกำลังสอง
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม นายสุภัทร จำปาทอง รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งปลัดศธ. อย่างเป็นทางการว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้หารือกับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่า ศธ. ซึ่งแนวทางการทำงานจากนี้จะเน้นผลักดันการทำงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ที่จะต้องเร่งดำเนินการ และการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษายกกำลังสอง ของรัฐมนตรีว่าการศธ. ซึ่งสิ่งสำคัญในการจัดการศึกษาของประเทศไทยอยู่ที่สถานศึกษา ที่จะเกี่ยวข้องกับนักเรียน ครู สื่อการสอน การจัดห้องเรียนที่ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรถึงจะวัดศักยภาพของเด็กได้ และมีกลไกในการตอบสนองศักยภาพของเด็ก
นายสุภัทร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนได้รับปากรัฐมนตรีว่าศธ. จะเร่งดำเนินการใน 4 เรื่องหลัก คือ1. การคัดคนเก่งเข้ามาเป็นครู โดยอาจจะเป็นการคัดเลือกในระบบปิด เพิ่มช่องทางในการคัดเลือกคนเก่งมาเป็นครู 2. การจัดทำคลังข้อสอบ ในการคัดเลือกต่าง ๆ ทั้งการสอบครูผู้ช่วย การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต 3.การจัดทำระบบธนาคารหน่วยกิต หรือเครดิตแบงค์ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ 4.การพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศการอาชีวศึกษา หรือExcellent center ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งบางเรื่องได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว อย่างไรก็ตามการทำงานต่อไป จะต้องขอความร่วมมือจากศึกษาธิการภาค (ศธภ.) และศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ในการทำงาน ยกระดับคุณภาพการศึกษาในพื้นที่รับผิดชอบ รวมถึงการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในการส่งเสริมการเรียนการสอน
นายสุเทพ แก่งสันเทียะ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า สำหรับการพัฒนางานอาชีวศึกษา ที่จะเร่งดำเนินการขับเคลื่อน คือการแปลงนโยบายการศึกษายกกำลังสองของ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. มาสู่การปฏิบัติ เพิ่มคุณภาพสถานศึกษา เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เรียนสายอาชีพ โดยจะเน้นพัฒนาสถานศึกษาใน 4 กรอบ คือ 1. ใช้สถานศึกษาในการฝึกอบรมอาชีพระยะสั้นให้กับประชาชน 2.การจัดการศึกษาเพื่อรองรับผู้ที่ความประสงค์จะเรียนสายอาชีพทั่วประเทศ เน้นว่าต้องเรียนจบแล้วมีงานทำ สามารถประกอบอาชีพในท้องถิ่นของตนเองได้ 3.พัฒนาสถานศึกษาอาชีวะให้มีศูนย์ความเป็นเลิศการอาชีวศึกษา ตามกลุ่มอาชีพใหม่ที่ตลาดแรงงานต้องการ และ4 สร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันการอาชีวศึกษาทั้ง 23 แห่งทั่วประเทศ
“การดำเนินการพัฒนาสถานศึกษา 4 กรอบ จะสามารถประสบความสำเร็จได้ จะต้องเร่งดำเนินการตามนโยบาย 3 ป.ของรัฐมนตรีว่าการ ศธ. คือปลดล็อก หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรค อาทิ ระเบียบหลักเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคในการเข้ามามีส่วนร่วมจัดการศึกษาของเอกชน ปรับเปลี่ยน พัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และเปิดกว้าง เรื่องการจัดการเรียนการสอนให้สถานประกอบการเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งผมได้ตั้งคณะทำงานศึกษาการปลดล็อกการทำงานของ สอศ. ในการพัฒนาอาชีวศึกษาต่อไป” นายสุเทพ กล่าว