พระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล หนุน พ.ร.บ.นมัสการ 4 สังเวชนียสถาน วอนรัฐบาลผลักดัน-ช่วยคนไทยปรองดอง

พระครูปริยัติโพธิวิเทศ (คมสรณ์ คุตฺตธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดไทยเชตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี ประเทศอินเดีย ในฐานะโฆษกพระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล เปิดเผยกรณีที่สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์และกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน ได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมนมัสการสังเวชนียสถาน พ.ศ. … ต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มหาเถรสมาคม (มส.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพื่อผลักดันให้มีกฎหมายรองรับ และงบประมาณสนับสนุนผู้แสวงบุญที่สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ว่า ก่อนอื่นต้องชี้แจงถึงความจำเป็นของชาวพุทธที่ต้องมาแสวงบุญที่สังเวชียสถาน สืบเนื่องมาจากพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าที่เคยตรัสไว้ก่อนปรินิพพานว่า สังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง เป็นสถานที่แทนพระองค์ และเป็นมรดกสุดท้ายที่พระองค์ทิ้งไว้ให้ลูกหลานชาวพุทธ ทำให้ชาวพุทธทั่วโลกต้องมานมัสการสังเวชนียสถาน หรือมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

พระครูปริยัติโพธิวิเทศกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาชาวพุทธต่างตะเกียกตะกายมาแสวงบุญด้วยตนเอง บางคนที่ไม่มีกำลังทรัพย์ ก็ต้องยอมจ่ายค่าเดินทางกับคณะทัวร์เป็นงวดก็มี แต่เมื่อมาถึงอินเดียแล้วยังต้องประสบปัญหาเรื่องที่พัก อาหาร รวมถึง ปัญหาการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย และหนักที่สุดคือเสียชีวิต เฉลี่ยแล้วมี 2-3 ศพต่อปี ทั้งนี้ เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น จะติดต่อหน่วยงานต่างๆ ก็ลำบากมาก เพราะที่อินเดียไม่มีศูนย์ประสานงานดูแลชาวพุทธ ทำให้พระเทพโพธิวิเทศ (วีรยุทธ์ วีรยุทธฺโธ) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดตั้ง “ศูนย์อำนวยความสะดวกผู้เดินทางประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประเทศอินเดีย-เนปาล” ร่วมกับกรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในปี 2558 โดยก่อตั้งศูนย์ฯ 9 แห่ง อาทิ ศูนย์ดูแลผู้แสวงบุญวัดไทยพุทธคยา รัฐพิหาร วัดธรรมิกราช เมืองราชคฤห์ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ รัฐอุตตรประเทศ เป็นต้น โดยใช้งบประมาณสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ที่มี 600,000 บาทต่อปีเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย เนื่องจากศูนย์ฯ

พระครูปริยัติโพธิวิเทศกล่าว กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ศูนย์ฯ ทั้ง 9 แห่ง จะดูแลผู้แสวงบุญทั่วโลกในเรื่องที่พัก อาหาร การพยาบาลรักษาโรค และดูแลรักษาความปลอดภัย ให้เกิดความอบอุ่นใจขณะพักในวัดด้วย ซึ่งผู้แสวงบุญจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยอาศัยแล้วแต่จะทำบุญกับทางวัดตามกำลังทรัพทย์ และศรัทธาเท่านั้น เพราะวัดไม่ได้ตั้งราคาค่าใช้จ่ายใดๆ ส่วนด้านการแพทย์นั้น ปัจจุบันได้รับการสนับสนุนทีมแพทย์ จากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปีละ 7 ทีมๆ ละ 3 สัปดาห์ ระหว่างเดือนตุลาคม -มีนาคม ของทุกปี ให้ช่วยดูแลชาวพุทธผู้เจ็บป่วยระหว่างมาแสวงบุญ ซึ่งช่วยได้ในระดับหนึ่งแต่ยังไม่ทั่วถึง ดังนั้น หากมี พ.ร.บ.ส่งเสริมนมัสการสังเวชนียสถาน พ.ศ. … จะช่วยเรื่องงบประมาณ กองทุนสนับสนุน และช่วยยกระดับการแสวงบุญของคนไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“อาตมามองว่ารัฐบาลมีความพร้อมในการช่วยผลักดันร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้ผ่าน เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้คนไทยเกิดความปรองดองสมานฉันท์ในสังคม ซึ่งสอดคล้องกับการมาแสวงบุญที่สังเวชนียสถานของชาวพุทธ เพราะชาวพุทธทุกคนเมื่อมาแสวงบุญที่อินเดีย จะได้รับอานิสงส์บุญจนเกิดสภาวะธรรม เปลี่ยนทัศนคติกลายเป็นคนที่มีคุณธรรมในสังคม ส่งผลให้ประเทศชาติมีปรองดองสมานฉันท์ตามนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ สังเวชนียสถานยังเป็นสถานที่ฟื้นฟูศรัทธาของชาวพุทธได้เป็นอย่างดีด้วย จึงเป็นเหตุผลให้ผู้ที่มาแล้วอยากกลับมาอีก” พระครูปริยัติโพธิวิเทศกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image