เรียนไทยได้จีน : นิทานสุภาษิตจีน (275) 成语故事 (二七五)

เรียนไทยได้จีน : นิทานสุภาษิตจีน (275) 成语故事 (二七五)

นิทานสุภาษิตจีนที่ “เรียนไทยได้จีน” จะนำเสนอในฉบับนี้คือ 尊王攘夷 zūn wánɡ rǎnɡ yí (จุน หวาง หร่าง อี๋) โดย คำว่า 尊 zūn (จุน) แปลว่า เคารพ ยกย่อง 王 wánɡ (หวาง) แปลว่า ราชา 攘 rǎnɡ (หร่าง) แปลว่า ต่อต้าน 夷 yí (อี๋) แปลว่า ชื่อเรียกร่วมของชนชาติเร่ร่อนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนในอดีตแห่งราชวงศ์โจวตะวันออก เมื่อรวมกันแล้วหมายถึงเชิดชูองค์ราชันต่อต้านต่างชาติรุกราน ซึ่งเป็นวาทกรรมทางการเมืองที่ใช้ปลุกกระแสชาตินิยม หรือวาทกรรมที่ผู้นำมักนำมาใช้เพื่อกำจัดคู่แข่ง มาดูตัวอย่างจากนิทานสุภาษิตจีนนี้กัน

ราชวงศ์โจวตะวันออกในยุคต้นชุนชิว 春秋 Chūnqiū ในช่วงเวลาที่ระบบราชวงศ์โจวอ่อนแอ เหล่าอ๋องผู้ครองนครรัฐต่างๆ พากันแบ่งแยกดินแดนปกครอง และก่อศึกแย่งชิงดินแดนกันให้วุ่นวายไปหมด แม้นสภาพทั่วไปจะดูวุ่นวาย แต่ยุคนี้ก็เป็นยุคทองของเหล่านักการศึกษา นักยุทธศาสตร์ที่มีความรู้สูง มีไหวพริบดี ได้มีโอกาสแสดงความสามารถของตนอย่างเต็มที่ยุคหนึ่งด้วยเช่นกัน

รัฐฉี 齐国/齊國 Qíɡuó (ฉีกั๋ว) นครรัฐสำคัญหนึ่งของโจวปัจจุบันคือแถบมณฑลซานตง ในยุคการปกครองของเจ้าเมืองฉีเซียงกง 齐襄公/齊襄公 Qí xiānɡɡōnɡ การเมืองภายในรัฐฉีก็วุ่นวายมาก มีการลัดคิวผู้สืบทอดมรดก มีการแย่งชิงตำแหน่งกัน จนองค์ชายทั้งหลายต้องหลีกลี้หนีภัยไปยังต่างแดนกันหลายคน ที่หนีไม่ทันก็โดนการเมืองเล่นงานจนถึงแก่ความตายอยู่หลายคน โดยตัวละครเด่นคนหนึ่งที่ต้องหลบหนีออกจากรัฐฉีก็คือ เจ้าชายไป๋ 公子小白 Gōnɡzǐ xiǎo bái (กงจื่อ เสี่ยวไป๋) ภายหลังต่อมา เมื่อฉีเซียงกงสิ้นชีวิตแล้ว ก็เกิดการแย่งชิงอำนาจกันยิ่งหนักข้อขึ้นไปอีก จนเหล่าผู้มีอำนาจสังหารกันเองจนแทบสิ้นเมืองแล้ว ทีนี้เหล่าผู้ปกครองจึงได้ตกลงกันที่จะอันเชิญเจ้าชายที่ลี้ภัยอยู่ต่างแดนทั้งหลาย เดินทางกลับรัฐฉีเพื่อสานต่อการปกครองบ้านเมือง

ในช่วงนี้เอง เจ้าชายไป๋กับพรรคพวกก็รีบรุดเดินทางกลับรัฐฉีอย่างเร่งด่วน ส่วนกลุ่มองค์ชายอีกกลุ่มที่ลี้ภัยอยู่รัฐหลู่ เห็นว่าการเดินทางกลับรัฐฉีคงจะไล่ไม่ทันองค์ชายไป๋เป็นแน่แท้ จึงได้คิดหาทางถ่วงเวลา หรือกำจัดองค์ชายไป๋เสีย หนึ่งในนั้น มีคนหนึ่งนามว่า กว่านโจ้ง 管仲 (Guǎn Zhònɡ) ได้ขันอาสาไปซุ่มสังหารองค์ชายไป๋ แต่การสังหารครั้งนี้ล้มเหลว เพราะลูกธนูที่ยิงใส่ขบวนรถขององค์ชาย ไม่ได้ทำอันตรายใดๆ มีเพียงลูกธนูดอกหนึ่งยิงทะลุชายเสื้อเขาเท่านั้น เมื่อองค์ชายไป๋เดินทางถึงรัฐฉีแล้ว ก็ปราบปรามกลุ่มอำนาจทั้งหลาย  รวบอำนาจแล้วจัดระเบียบการปกครองใหม่จนบ้านเมืองสงบลง และพัฒนาบ้านเมืองอย่างเร่งด่วน จนบ้านเมืองกลับมามีอิทธิพลมากกว่ารัฐใดๆ

Advertisement

รัฐหลู่ถึงตอนนี้ก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะให้ที่พักพิงแก่องค์ชายที่เป็นศัตรูขององค์ชายไป๋ จึงจัดการควบคุมตัวองค์ชาย และพรรคพวกขององค์ชายไว้ พร้อมที่จะส่งตัวกลับรัฐฉี องค์ชายไป๋ที่ในตอนนี้คือเจ้าเมืองคนใหม่แห่งฉี ได้ตอบแก่รัฐหลู่ว่า คนอื่นนั้นสังหารเสียให้สิ้น เหลือไว้เพียงกว่านโจ้งคนเดียว มัดตัวส่งเข้ารัฐฉี องค์ชายไป๋จะสังหารคนนี้ด้วยมือตนเอง

ที่มาภาพ : https://image.baidu.com/search/index?tn

Advertisement

เมื่อเป็นเช่นนี้กว่านโจ้งจึงถูกส่งตัวเข้าวังแห่งรัฐฉี เมื่อกว่านโจ้งอยู่เผชิญหน้าองค์ชายไป๋ กว่านโจ้งรู้ตัวดีว่าต้องตายแน่นอนแล้ว แต่ก็มิได้แสดงอาการหวาดกลัวแต่ประการใด เมื่อถูกถามว่าลูกธนูนี้ เจ้าเป็นคนยิงใช่หรือไม่ กว่านโจ้งก็ตอบตามตรงว่า ใช่แล้ว และตามด้วยคำพูดว่าเมื่อบ่าวรับใช้นาย นายสั่งให้ทำก็ต้องทำ ตอนนี้นายของข้าพ่ายแพ้แล้ว บ่าวอย่างข้าก็ไม่มีค่าใดๆ จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็เชิญ องค์ชายไป๋เห็นว่ากว่านโจ้งพูดมีเหตุผล และเป็นคนกล้าหาญ จึงสั่งให้คนแก้มัด พร้อมทั้งพูดว่า จริงตามที่ท่านพูด บ่าวก็ต้องทำตามนายสั่ง บ่าวจึงไม่มีความผิด อันความแค้นของข้ากับเจ้า ก็ขอให้มันสิ้นสุดลงตั้งแต่บัดนี้ แล้วจัดการหักลูกธนูนั้นทิ้งเสีย

และจากนั้นองค์ชายไป๋ก็ได้แต่งตั้งกว่านโจ้งเป็นเสนาบดีช่วยบริหารบ้านเมือง ซึ่งกว่านโจ้งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาเสนอนโยบาย 尊王攘夷 zūn wánɡ rǎnɡ yí ให้กับรัฐฉี โดยใจความหลักคือเชิดชูองค์ราชันต่อต้านต่างชาติ จนสามารถนำรัฐใหญ่เล็กทั้งหลายให้กลับมาสวามิภักดิ์ ร่วมกันต่อต้านชนชาติป่าเถื่อนทางตะวันออกเฉียงเหนือ และปราบปรามรัฐที่แข็งข้อทั้งหลายทางใต้ จนรัฐฉีกลายเป็นรัฐยิ่งใหญ่ และมีอิทธิพลที่สุดในยุคชุนชิวตอนต้น จนแม้นแต่องค์จักรพรรดิแห่งโจวก็ยังชื่นชม และเกรงใจรัฐฉี ส่วนองค์ชายไป๋ก็คือเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่นามว่า ฉีหฺวานกง 齐桓公 (Qí Huán ɡōnɡ) นั่นเอง นับเป็นการยุติความแค้นส่วนตัวเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ

ข้อคิดจากประโยคสุภาษิตนี้

成语比喻:不管身处什么环境都能恪守节操。

成語比喻:不管身處什麽環境都能恪守節操。

Chénɡyǔ bǐyù: Bùɡuǎn shēnchǔ shénme huánjìnɡ dōu nénɡ kèshǒu jiécāo.

เฉิงยหวี่ ปี่ยวี่:  ปู้กว่าน เฌินชู่ เฉินเมอะ หฺวานจิ้ง โตว เหนิง เค่อโฉ่ว เจี๋ยชาว

สุภาษิตเปรียบว่า ไม่ว่าจะดำรงอยู่ในสภาพแวดล้อมใดก็ตาม ก็ยังคงสามารถประพฤติตนตามศีลธรรมได้

ประโยคตัวอย่างที่ใช้สำนวนสุภาษิตนี้ เช่น

为了争夺领导职位,他借着尊王攘夷的口号带人们打压反对他的人。

為了爭奪領導職位,他借著尊王攘夷的口號帶人們打壓反對他的人。

Wèile zhēnɡduǒ línɡdǎo zhíwèi,ta jiē zhe zūn wánɡ rǎnɡyí de kǒuhào dài rénmen dǎyā fǎnduì tā de rén.

เว่ยเลอะ เจิงตั่ว หลิงต่าว จื๋อเว่ย, ทา เจี้ย เจอะ จุน หวาง หร่างอี๋ เตอะ โข่วฮ่าว ไต้ เหรินเมิน ต่ายา ฝ่านตุ้ย ทา เตอะ เหริน

เพื่อช่วงชิงตำแหน่งผู้นำ เขานำผู้คนปราบปรามผู้ที่ต่อต้านเขาด้วยคำขวัญว่าเชิดชูองค์กษัตริย์ และทำลายคนป่าเถื่อน

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image