ซัด ศธ.เลิกกฎทรงผมเหมือนนรก ลงโทษ ‘ผอ.-ครู’ กล้อนผม น.ร.เท่ากับสร้างแผล จี้ ‘ตรีนุช’ วางเกณฑ์กลาง

ซัด ศธ.เลิกกฎทรงผมเหมือนนรก ลงโทษ ‘ผอ.-ครู’ กล้อนผม น.ร.เท่ากับสร้างแผล จี้ ‘ตรีนุช’ วางเกณฑ์กลาง-สกัดละเมิดสิทธิเด็ก

ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า ตามที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงนามในระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 โดยให้อำนาจสถานศึกษากำหนดรูปแบบทรงผมให้นักเรียนตามบริบท และอัตลักษณ์ของตน ซึ่งการกำหนดระเบียบทรงผมของสถานศึกษา จะต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นจาก ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนด้วย แม้จะดูเหมือนว่าการยกเลิกระเบียบทรงผมจะเป็นเรื่องดี แต่ในทางปฏิบัติกลับเหมือนเป็นนรก เพราะเสียงของเด็กดังสู้เสียงของครู และผู้ปกครองไม่ได้ อีกทั้ง เวลานี้ระเบียบทรงผมอยู่ในช่วงสูญญากาศ เพราะสถานศึกษาแต่ละแห่งอยู่ระหว่างวางระเบียบทรงผมของตัวเอง จึงทำให้เห็นข่าวด้านดี และร้าย คือจะมีโรงเรียนที่เปิดกว้าง และมีโรงเรียนที่มีความอนุรักษ์นิยม ลงโทษกล้อนผมนักเรียนอยู่

“เมื่อเร็วๆ นี้ น.ส.ตรีนุชลงโทษทางวินัยกับผู้บริหาร และครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบูรณ์ ที่ใช้กรรไกรตัดผมนักเรียนกว่า 100 คน แม้จะเป็นเรื่องที่เด็ดขาด แต่อย่าลืมว่าเรื่องนี้ได้สร้างแผลให้กับผู้บริหาร และครูด้วย ซึ่งสิ่งที่ครู และผู้บริหารได้รับก็ไม่ต่างจากความรู้สึกของเด็กที่ถูกครูลงโทษ มองว่าควรจะหลีกเลี่ยงการลงโทษด้วยการใช้อำนาจ แต่ ศธ.ควรจะสร้างความเข้าใจ และออกระเบียบ หรือนโยบายที่ชัดเจน ถูกต้อง เหมาะสม และเป็นธรรมให้สถานศึกษาไปปฏิบัติตาม ไม่เช่นนั้นก็จะเห็นการตีความ และใช้อำนาจในทางที่ผิด เห็นการละเมิดสิทธิเด็กออกมาอยู่เสมอ” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว

ศ.ดร.สมพงษ์กล่าวอีกว่า โรงเรียนยังมีระบบอำนาจนิยม และครูใช้อำนาจที่มีอยู่ละเมิดสิทธิเด็ก เพราะครูส่วนใหญ่ไม่เชื่อเรื่องสิทธิเด็ก ตนมองว่าส่วนกลางโดยเฉพาะ ศธ.ควรจะออกระเบียบเกี่ยวกับทรงผมอย่างกว้างๆ แต่มีหลักการชัดเจน คือถือหลักการกระจายอำนาจ ซึ่งการกระจายอำนาจนั้น จะต้องมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะนักเรียน ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง อีกทั้ง ศธ.จะต้องลงไปกำกับ และติดตามตรวจสอบด้วย

“ระเบียบทรงผม ควรยึดความเป็นสากล ควบคู่กับหลักการของสังคมไทย คือหลักสากลจะต้องไม่ละเมิดสิทธิเด็ก ส่วนหลักการในสังคมไทย คือแม้จะเปิดกว้าง แต่เด็กก็ไม่ควรทำผมสีแดง สีชมพูไปโรงเรียน จะต้องมีความพอดีระหว่างกัน และการกำหนดระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ควรจะกำหนดระเบียบโดยยึดสิทธิเด็ก และพัฒนาการของเด็กเป็นที่ตั้ง ที่สำคัญอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้สถานศึกษาเป็นที่บ่มเพาะประชาธิปไตยในเด็ก คือเด็กจะต้องมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน สัดส่วนของครู ผู้ปกครอง และนักเรียนในการลงประชามิติ ลงความคิดเห็นเรื่องต่างๆ ต้องมีสัดส่วนที่เท่ากันด้วย” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image