คาดเทอม 1/66 เด็กหลุดระบบพุ่ง 3 เท่า เพิ่มขึ้น 2.3 แสนราย เหตุรอ ‘รัฐบาล-รมว.ศธ.’ ใหม่

แฟ้มภาพ

คาดเทอม 1/66 เด็กหลุดระบบพุ่ง 3 เท่า เพิ่มขึ้น 2.3 แสนราย เหตุรอ ‘รัฐบาล-รมว.ศธ.’ ใหม่ ชี้วิจัย 5 จังหวัดมีเด็กเสี่ยง 82% ถ้าไร้นโยบายรับมือ

ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า ปีการศึกษา 2566 ถือเป็นปีการศึกษาที่โรงเรียนกลับมาเปิดปกติ หลังจากเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แต่ท่ามกลางความปกติ การศึกษาได้รับผลกระทบจากปีการศึกษา 2565 อยู่ เพราะในปีที่ผ่านมา การศึกษาไทยอมโรค เด็กเสี่ยงเกิดภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ (Learning Loss) เพิ่มขึ้น เด็กคุณภาพด้อยลงทั้งระบบ และมีเด็กออกกลางคันเพิ่งขึ้น 3 เท่า จากเดิมที่ออกกลางคันกว่า 60,000 คน พุ่งเป็น 230,000 คน แม้ปีที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะจัดโครงการพาน้องกลับมาเรียน โดยให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ดำเนินการติดตามเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งดำเนินการได้ดีระดับหนึ่ง คือ สามารถตามเด็กกลับมาเรียนได้เกือบครบ

ศ.ดร.สมพงษ์กล่าวต่อว่า แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในภาคเรียนที่ 1/2566 คือการศึกษาไทยจะขาดคนที่ดูแลรับผิดชอบอีกหลายเดือน เพราะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง ต้องรอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และรอรัฐมนตรีว่าการ ศธ.คนใหม่ เรียกได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดช่องว่างทางนโยบาย เกิดช่องว่างที่ไม่มีรัฐมนตรีว่าการ ศธ.มาดูแลรับผิดชอบการศึกษาโดยตรง จากงานวิจัยที่ลงพื้นที่สำรวจใน 5 จังหวัด คือ จ.ราชบุรี จ.พิษณุโลก จ.ยะลา จ.ขอนแก่น และกรุงเทพฯ พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีนโยบาย หรือทุนการศึกษาเข้ามาช่วยเหลือเด็ก เด็กจะหลุดจากระบบการศึกษาถึง 82.18% ดังนั้น ในภาคเรียนที่ 1/2566 จะมีเด็กเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาถึง 82% ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วง หาก ศธ.ไม่มีนโยบายรองรับ เด็กจะหลุดจากระบบการศึกษายาว และอาจจะไม่กลับมาเลย

“สถานการณ์เด็กหลุดจากระบบในปีการศึกษา 2566 น่าห่วงอย่างมาก เพราะผมไม่มั่นใจว่า ศธ.จะดำเนินโครงการพาน้องกลับมาเรียนต่อหรือไม่ และเมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้ลงพื้นที่โรงเรียนขนาดเล็ก พบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีมาตรการรองรับ และช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กเลย โรงเรียนขนาดเล็กได้รับงบประมาณมาพัฒนาน้อยมาก แล้วในปี 2566 จะหาคุณภาพการศึกษาจากไหน เพราะการศึกษาอาจจะเจอความเสี่ยง รุนแรง และวิกฤตมากขึ้น ใครจะดูแลรับผิดชอบอนาคตของเด็ก โดยเฉพาะเด็กกว่า 2.9 ล้านคน ที่ยากจนขัดสน แม้ขณะนี้ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ และรัฐมนตรีว่าการ ศธ.คนใหม่มาทำงาน แต่ในช่วงสูญญากาศนี้ เด็กจะได้รับงบประมาณมาพัฒนาการศึกษาหรือไม่ เด็กจะหลุดจากระบบเพิ่มขึ้นหรือไม่ เกิดการระบาดของโควิด-19 ในเด็กเพิ่มขึ้นหรือไม่ ปัญหาเหล่านี้ถ้าไม่เตรียมการรับมือ อาจทำให้การศึกษาไทยถอยหลังมากขึ้น” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว

Advertisement

ศ.ดร.สมพงษ์กล่าวอีกว่า ดังนั้น แต่ละพรรคการเมืองจะต้องเตรียมหาคนที่มาดูแลนโยบายด้านศึกษาได้แล้ว โดยจะต้องเป็นคนที่มีคุณภาพ เข้าใจปัญหาวิกฤตการศึกษาในขณะนี้ ว่าเรากำลังเผชิญอะไร ซึ่งตนมองว่าขณะนี้แต่ละพรรคการเมืองควรจะบอกได้แล้ว ว่าในพรรคของตนใครจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.และจะมีนโยบายอะไร ที่เหมาะสมกับวิกฤตปัญหาที่รอการเยียวยา และช่วยเหลือการศึกษาอยู่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image