ครูจุ๊ย ยัน ‘ต้องล้างหลักสูตร’ ตรรกะเพี้ยน ฆ่าคนไม่ดีได้? โฆษกไทยสร้างไทย ชี้ ทุกวันนี้ความรู้อยู่บนเมฆ

ครูจุ๊ย ยัน ‘ต้องล้างหลักสูตร’ แบบเรียนตรรกะเพี้ยน ฆ่าคนไม่ดีได้? โฆษกไทยสร้างไทย ชี้ ทุกวันนี้ความรู้อยู่บนก้อนเมฆ

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ลาน One Arena โครงการ Stadium One ซอยจุฬาลงกรณ์ 6 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ สืบเนื่อง กกต.จัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2566 กลุ่มนักเรียนเลวจัดเวที “ห้องเรียนรัฐมนตรี Candidate Classroom” ประชันวิสัยทัศน์พรรคการเมือง เกี่ยวกับนโยบายด้านการศึกษาและสิทธิมนุษยชนภายในโรงเรียน

โดยมีตัวแทนจาก 6 พรรคการเมืองเข้าร่วม ได้แก่ น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ หรือครูจุ๊ย ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล, น.ส.ธีราภา ไพโรหกุล คณะทำงานด้านนโยบาย พรรคเพื่อไทย, น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 16 และโฆษกพรรคไทยสร้างไทย, นายวรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี, นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และนายณภัทร ชวนรำลึก ทีมยุวชน (ด้านเศรษฐกิจ) พรรคชาติไทยพัฒนา

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ช่วง Fix it แก้ปัญหาให้นักเรียนไทย ในตอนหนึ่งตัวแทน 6 พรรค ตอบคำถามว่า “ถ้ามีโอกาสเปลี่ยนแปลงแบบเรียนภาษาไทย ควรจะเปลี่ยนแปลงไปทิศทางใด อย่างไรบ้าง”

Advertisement

น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ จากพรรคไทยสร้างไทย ตอบเป็นคนแรก โดยกล่าวว่า จริงๆ ก็ได้พูดเรื่องนี้ไปในหลายเวที อย่างภาษาพาทีเป็นแค่หนึ่งตัวอย่าง ไม่ใช่ตัวหนังสือแบบเดียวที่มีปัญหา จะเห็นว่า text book หรือบทเรียนต่างๆ ค่อนข้างจะล้าสมัย

“เราเห็นจากการยกตัวอย่าง การสอนเรื่องวัฒนธรรม เรื่องการกิน คือล้าสมัยแน่นอน อันที่สองคือ เป็นการจำกัดกรอบความคิด ถ้าเรากลับไปดู อย่างภาษาพาที เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วก็มีประเด็น เช่น เพศหญิงต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เพศหญิงสมัยนี้เท่าผู้ชาย ผู้ชายทำอะไรเราก็ทำได้ มันควรจะมีระบบวัฒนธรรมที่มีนวัตกรรมในการเคลื่อนไปกับสังคม โลกหมุนไปเรื่อยๆ สิ่งที่นักเรียนจะได้รับในการเรียนก็ควรจะหมุนไปเรื่อยๆ เช่นกัน” น.ส.ธิดารัตน์ชี้

Advertisement

น.ส.ธิดารัตน์กล่าวต่อว่า ถ้าสิ่งนี้คือปัญหา พรรคไทยสร้างไทยเสนอให้แก้อย่างไร อย่างแรก คือต้องเน้นการเรียนที่ text book หรือว่าบทเรียนหนังสือเรียนน้อยลง ตอนนี้ความรู้อยู่บนก้อนเมฆ ความรู้อยู่ในอากาศ โดยต้องมีการใช้ความรู้ตรงนี้ ใช้สิ่งที่ถูกอัพเดตให้มากขึ้น แล้วค่อยๆ เปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคที่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้าสู่สังคมให้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่สองคือ สมมุติเราเข้าไปอยู่กระทรวงศึกษาธิการ 1-2 ปี ในการค่อยๆ เปลี่ยนจะมีบรรยากาศที่อาจารย์และนักเรียนทุกคนสามารถที่จะถกเถียง หารือกันได้ ว่าสิ่งที่นำมาสอนถูกต้องหรือไม่ ตอนนี้สังคมไปถึงไหนแล้ว นักเรียนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย อย่างไร

“อันที่สาม ควรจะมีการปฏิรูปการศึกษาไปเลย แทนที่จะต้องมายึดโยงกับหนังสือ อาจารย์ไม่มีสิทธิที่จะชี้นำว่าเด็กควรจะคิดอย่างไร ให้ใช้ห้องเรียนในการพูดคุยกับนักเรียน ไม่ใช่ว่าหนังสือบอกมาแบบนี้ คิดได้แค่แบบนี้ นอกจากจะพัฒนาผู้เรียนได้แล้ว ยังพัฒนาอาจารย์และสังคมได้ด้วย” น.ส.ธิดารัตน์กล่าว

ด้าน น.ส.กุลธิดา หรือครูจุ๊ย ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวว่า อยากจะถามหาความรับผิดชอบจากกระทรวงศึกษาธิการถึงกระบวนการผ่านตำราเล่มนี้ออกมา ถ้าพูดง่ายๆ คือตำราเล่มนี้เป็นตำราที่ in-house ที่ทำโดยกระทรวงศึกษาธิการ ทำไมถึงผ่านการตรวจคุณภาพมาจนถึงมือของผู้บริโภคที่ใช้เงินอุดหนุนของรัฐซื้อได้ เพราะอยู่ในบัญชีหนังสือที่อยู่ในเงินอุดหนุนของรัฐ อยากถามหาความรับผิดชอบคำถามแรก และปัญหาที่มีอยู่ในภาษาพาที โดยเฉพาะเล่ม ประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นวัย pre-teen มีความคิดความเชื่อเป็นของตัวเอง แต่สิ่งที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ปรากฏ 2 ปัญหา ปัญหาแรกคือ เนื้อหาไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

“ยกตัวอย่างเช่น สอนให้เด็กต้องทานข้าวที่อุ่นซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ ซึ่งผิดหลักวิทยาศาสตร์และหลักข้อเท็จจริง ปัญหาที่สองคือ ปัญหาทางอคติที่ค่อนข้างรุนแรง

โดยเฉพาะในบทที่ชื่อว่า ‘สวยร้ายสายลับ’ เป็นบทที่พูดเรื่องยุคในอนาคต มนุษย์โคลนนิ่ง แต่ตอนจบมนุษย์โคลนนิ่งที่ถูกเอาศีลธรรมที่ไม่ดียิ่งเข้าไปในหัว เขาจะถูกทำให้ตาย ว่าง่ายๆ คือ คุณสามารถฆ่าคนที่คุณบอกว่าเป็น ‘คนไม่ดี’ ได้ ซึ่งเราไม่ได้ต้องการให้มีวิธีการคิดแบบขาวดำเช่นนี้ ไม่เหมาะกับพัฒนาการช่วงวัยของเด็ก เขาเติบโตพอที่จะมองเห็นความซับซ้อนของเรื่องศีลธรรมและจริยธรรมแล้ว” น.ส.กุลธิดากล่าว

น.ส.กุลธิดายกตัวอย่าง 2 กรณีที่เป็นปัญหาใน 2 มิติ ซึ่งข่าวดีคือ หลักสูตรใหม่ที่กำลังออกมา แต่จริงๆ เราต้องมีการล้างหลักสูตรมานานแล้ว

“นี่ก็เลยเวลามานานแล้ว ถ้ามีหลักสูตรใหม่ อย่างไรหนังสือพาทีเล่มนี้ก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว โรงเรียนที่ใช้เล่มนี้อยู่ก็เตรียมที่จะไม่ต้องใช้ ที่สุดแล้วเรากลับมาที่เรื่องงบประมาณ เล่มนี้ยังถูกใช้อยู่ ทั้งๆ ที่ยังมีเล่มอื่นที่โรงเรียนสามารถใช้ได้ แต่ว่าติดที่งบประมาณ เพราะมันผลิตจำนวนมากและราคาถูกที่สุด โรงเรียนก็เลือกใช้ไปโดยปริยาย รวมกับความเคยชินที่มีมา” น.ส.กุลธิดาระบุ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image