ซาวเสียง..คนแวดวงศึกษา ยื้อตั้งรัฐบาลยาว 10 เดือน กระทบปฏิรูป-การศึกษาไทย ‘ตกต่ำ-ล้าหลัง’

ซาวเสียง..คนแวดวงศึกษา ยื้อตั้งรัฐบาลยาว 10 เดือน กระทบปฏิรูป-การศึกษาไทย ‘ตกต่ำ-ล้าหลัง’

หมายเหตุ… จากกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้รับไม้ต่อจากพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ภายหลังนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่ผ่านการโหวตนายกฯ แต่ขณะที่ พท.ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ มีผู้เสนอให้ยื้อการจัดตั้งรัฐบาลออกไปอีก 10 เดือน เพื่อให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ชุดปัจจุบันหมดวาระ และไม่ต้องใช้เสียง ส.ว.โหวตนายกฯ นั้น “มติชน” จึงได้สอบถามความเห็นของคนในแวดวงการศึกษา ว่ามีข้อดี และข้อเสียอย่างไร กับระบบการศึกษาไทย

๐ นายประเสริฐ กลิ่นชู
ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค)
นายก สวทอ.

Advertisement

“ที่มีข้อเสนอให้รออีก 10 เดือน ให้เพื่อ สว.หมดวาระ แล้วจึงจัดตั้งรัฐบาลนั้น ไม่กระทบกับการจัดการอาชีวศึกษาเอกชนมากนัก ใครจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ไม่ว่าจะมาจากพรรครุ่นเก่า หรือพรรครุ่นใหม่ เราก็อยู่ได้เหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ว่าเศรษฐกิจของประเทศนั้นดีหรือไม่ ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี พ่อแม่ผู้ปกครองมีรายได้น้อย จะกระทบกับอาชีวศึกษาเอกชน
ดังนั้น ผมในฐานะนายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สวทอ.) ไม่มีปัญหาว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.เนื่องจาก สวทอ.ไม่มีบทบาทที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะถึงมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ก็คงให้เงินอุดหนุนรายหัวผู้เรียนอาชีวะเอกชนเท่าเดิม

อาชีวศึกษาเอกชนถือเป็นห่วงโซ่สุดท้าย ที่จะมีคนมาสนใจ และดูแล ทั้งนี้ สวทอ.ไม่ตั้งธงว่าต้องการให้ใครมาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.พวกเราก็ยินดีทั้งหมด เพราะเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนจะให้ความสำคัญกับการศึกษา และมองว่าการอาชีวศึกษา เป็นการศึกษาที่ช่วยพัฒนาชาติของเรา แต่อยากให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.คนใหม่ เห็นใจอาชีวศึกษาเอกชนมากขึ้นด้วย”

Advertisement

๐ นายธนารัชต์ สมคเณ
อดีตรองผู้อำนวยการ สพม.เขต 1 กทม.

“มองว่าการศึกษา และเศรษฐกิจกิจ เป็นเรื่องที่รอไม่ได้ หากต้องรอตั้งรัฐบาลใหม่ถึง 10 เดือน เพราะปัจจุบันนักเรียน และเยาวชน กำลังมีปัญหา ครู และบุคลากรทางการศึกษา ก็ท้อแท้ในวิชาชีพ ต้องเจอกับพฤติกรรมเด็ก ต้องเจอกับการศึกษาที่ดิ่งลงไปทุกวัน ประกอบกับรัฐมนตรีว่าการ ศธ.และผู้บริหารก็เกียร์ว่าง ไม่กล้าตัดสินใจ แม้แต่องค์กรวิชาชีพอย่างสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และองค์การค้าฯ ยังไม่กล้าตัดสินใจอะไร

บางองค์กรอย่างเช่น สกสค.และองค์การค้าฯ ยังไม่สรรหาผู้บริหารตัวจริงมาดูแลอย่างจริงจัง แต่ให้ผู้บริหารใน ศธ.มานั่งบริหาร ซึ่งก็มาทำงานด้วยความจำใจ ไม่คิดอะไรใหม่ๆ เพราะรอผู้บริหารตัวจริง และใกล้ถึงช่วงแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ผู้บริหารแต่ละคนยิ่งต้องเอาตัวรอด ไม่กล้าทำอะไร เหมือนทำงานไปวันๆ เฝ้าฟังว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.และเฝ้าฟังว่าจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายอย่างไร

ถ้ายิ่งไม่มีหัวเรือมาคัดท้าย การศึกษาไทยยิ่งจะแย่มากยิ่งขึ้น ส่วนผู้บริหารโรงรียนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย มัวแต่รอฟังคำสั่งจากเขตพื้นที่ฯ รอฟังนโยบายจากส่วนกลาง ส่งผลให้ครูทำงานตามยถากรรม ถ้ายังปล่อยให้การศึกษาเป็นอยู่อย่างนี้ การศึกษาจะแย่ลงหนักเรื่อยๆ ดังนั้น การศึกษาจะปล่อยทิ้งไว้นานไม่ได้ เพราะมีความสำคัญเทียบเท่ากับเศรษฐกิจของประเทศ

เมื่อได้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.คนใหม่ งานแรกที่ควรจะทำคือ บริหารงานในกระทรวงให้ดี กล้าที่จะลงแส้ผู้บริหารในกระทรวง ผู้บริหารเขตพื้นที่ฯ จะให้ผู้บริหารทำงานไปวันๆ ไม่ได้ และคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.จะมาคิดเดิมๆ ไม่ได้ รัฐบาลใหม่ต้องให้ความสำคัญกับการศึกษามาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะหากปล่อยการศึกษาไว้แบบนี้ ต่อไปทุกคน ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง จะไม่มีความหวังกับการศึกษาไทย”

๐ นายณัฐวุฒิ ภารพบ
นายกสมาคมการศึกษาเอกชนนครศรีธรรมราช

“ไม่เห็นด้วยที่จะต้องรออีก 10 เดือน ถึงจะจัดตั้งรัฐบาล หากรอไปแล้วยังร่วมกันตั้งรัฐบาลไม่ได้ สิ่งที่รอมาทั้งหมดก็ล้มเหลว จึงอยากให้ทุกฝ่ายเอาประเทศเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เอาความต้องการของตนเองเป็นที่ตั้ง เพราะหากต้องรอ 10 เดือน ไม่ใช่แค่ ศธ.ที่กระทบ แต่ทุกกระทรวงจะได้รับผลกระทบหมด แล้วอย่าลืมว่า หากรอไปอีก ระบบการศึกษาประเทศที่มีเด็กหลายล้านคน ครูอีกหลายแสนคน จะได้รับผลกระทบอย่างมาก การศึกษารอไม่ได้ และนโยบายการศึกษาต่างๆ ไม่ใช่ออกวันนี้ แล้วพรุ่งนี้จะเห็นผลทันที ต้องให้เวลาเป็นเดือน หรือปี ที่จะเห็นผล

ส่วนกรณีของ ส.ว.ผมมองว่าทำเกินไป ทำไมไม่พยายามทำความเข้าใจ มองว่าเวลานี้ไม่ควรที่จะมาทำตามอำเภอใจ หรือเอาแค่สะใจเท่านั้น ทุกอย่างสามารถนำมาพูดคุยกันในรัฐสภาได้ ผมมองว่ารอไปอีก 10 เดือน ก็เกิดปัญหา ดังนั้น ส.ส.และ ส.ว.ที่ถือเป็นผู้ทรงเกียรติ จะต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาของชาติ ให้เดินต่อไปได้ ไม่ใช่เอาประโยชน์ส่วนตน หรือทิฐิเป็นตัวตั้ง”

๐ นายสมพงษ์ จิตระดับ
นักวิชาการด้านการศึกษา

“หาก 10 เดือน ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ประเทศจะสูญเสียความมั่นใจ สูญเสียภาพลักษณ์ แล้วให้คำตอบกับสังคมไม่ได้ ว่าทำไมประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะแบ่งอำนาจไม่ลงตัว เรื่องนี้นอกจากจะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ และสังคมแล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับเด็กและเยาวชนที่ติดตามด้วย เพราะเด็กอาจจะรู้สึกว่าบ้านเมืองเราแย่ ล้าหลัง

หากรอ 10 เดือน นอกจากเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบแล้ว การศึกษาก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เด็กจะออกกลางคันเพิ่มมากขึ้น ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ การจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะ ที่จะมาปฏิรูปเปลี่ยนแปลงการศึกษา จะถูกม้วนเสื่อกลับ หรือล่าช้าเพิ่มขึ้นอีก 2-3 ปี ระบบที่ครูคาดหวังว่าจะมีการปฏิรูป เช่น ระบบการผลิตครู งานเอกสาร การสอนหนังสือ จะช้า ล้าหลังไปอีก การศึกษาไทยที่ตกต่ำไปแล้ว จะตกต่ำมากขึ้นอีก ไม่มีคนบริหารงาน ไม่มีใครกล้าตักสินใจ ไม่มีใครกล้าเดินหน้า เราช้ามา 8 ปี และจะช้าอีก 10 เดือนจริงหรือ

ผมมองว่าเด็กรุ่นใหม่จะสูญเสียความรู้สึกดีๆ ต่อการเลือกตั้ง เพราะเด็กจะตั้งคำถามว่า ผู้ใหญ่กำลังทำอะไรที่เลอะเทอะ จะเป็นแบบอย่างทางการเมืองที่ดีให้กับเด็กจริงหรือ เป็นต้นแบบที่ดีจริงหรือ ดังนั้น ในภาพรวมที่จะกระทบกับการศึกษา คือระบบการศึกษาจะช้า ล้าหลัง ปัญหาจะเพิ่มมากขึ้น และกลับมาหนักขึ้นอีก ครูต้องกลับไปแบกภาระ รับกรรมเหมือนเดิม ทำให้เราแทบจะหมดความหวังกับระบบการศึกษา

การเมืองขณะนี้ขัดแย้งจนหาข้อยุติที่สร้างสรรค์ไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างยืด เอาจุดยืนของตนเป็นหลัก ความเสียหายจะเกิดขึ้นกับประเทศ การเมืองต้องคลายล็อก พูดคุย ถึงเวลาที่นักการเมืองจะต้องเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าพรรค และมากกว่าประโยชน์ของกลุ่มตัวเองได้แล้ว มองว่า กลุ่ม ส.ว.250 คน ต้องทบทวนตัวเองว่าเป็นคนคอยสนับสนุน หรือเป็นคนที่คอยขัดขวาง และเป็นตัวถ่วงทำลายระบบประชาธิปไตย ตอนนี้ทุกคนอ้างประชาชน แต่เบื้องหลังมองผลประโยชน์ทั้งนั้น

อยากให้ทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ทั้ง 750 คน คิดถึงความเสียหายของประเทศ มากกว่าเรื่องการเมือง ตอนนี้ทั้ง 750 คน กำลังทำอะไรกับบ้านเมือง จะมาบริหารประเทศ หรือมาทำให้บ้านเมืองล้าหลัง ไปต่อไม่ได้ ผมว่านักการเมืองทั้ง 750 คน ต้องตั้งคำถามแล้ว ไม่ใช่ลอยหน้าลอยตา และรู้สึกว่าตนเองเป็นเทวดามากขึ้นทุกวัน ผมมองว่า ขณะนี้เป็นยุคที่เราต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ มาบริหารจัดการประเทศ เรื่องบางเรื่องผู้ใหญ่ต้องเปิดใจ ให้โอกาส และใช้ประสบการณ์ของตนช่วยกันดูแล ให้คำแนะนำมากกว่า

หากต้องให้รอ 10 เดือน ขอให้เป็นวิธีสุดท้ายที่คิดจะทำ นักการเมืองไม่ละอายใจบ้างเลยหรือ ว่าหาเสียงมา มีนโยบายต่างๆ แต่กลับล่าช้าไป 10 เดือน แล้วจะให้ประเทศติดล่มไปอีกหรือ ประชาชนเลือกคุณมาเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ ไม่ใช่เลือกมาเพื่อมาถ่วงประเทศ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image