อธิการบดี มก.ชี้อยู่ระหว่างสอบฯ อาจารย์ซื้องานวิจัย 1 ราย ถ้าผิดจริง ไม่ปล่อยไว้แน่

อธิการบดี ม.เกษตรฯ เผยอยู่ระหว่างสอบข้อเท็จจริงอาจารย์ซื้องานวิจัย 1 ราย ยันพบผิดจริง ไม่ปล่อยไว้แน่ ห่วงเป็นตัวอย่างนิสิตทุจริตทางอ้อม ชี้ปัญหาซื้อผลงานเกิดช่วง 5-10 ปี เหตุมหา’ลัยให้ค่าตอบแทนเพิ่ม อยากมีชื่อเสียง

จากกรณีที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ระบุถึงความคืบหน้าการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อขายผลงานวิจัย หรือการตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการของอาจารย์ภายในสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ของอาจารย์ หรือนักวิจัยในสังกัด ว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายการผิดจรรยาบรรณ เผยแพร่ผลงานจากการซื้อผลงานตีพิมพ์งานวิจัย โดยได้รับแจ้งจากมหาวิทยาลัยทั้งหมด 33 แห่ง ว่ามีนักวิชาการถูกตรวจสอบ 109 คน เข้าข่ายว่ามีพฤติกรรมในการซื้องานวิจัยจริง โดยมหาวิทยาลัยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยผู้ที่กระทำผิดแล้ว 9 คน และมีนักวิชาการที่ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา 21 คน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบ หลังราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ลงโทษวินัยร้ายแรงบุคลากร และให้พ้นจากการเป็นบุคลากร 1 ราย ส่วนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ได้สอบสวน และลงโทษไล่ออกบุคลากร 1 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวนวินัย 2 ราย นั้น

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ มก.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โดย มก.ได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงขึ้น ซึ่งขณะนี้มีอาจารย์ 1 ราย ที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบ แต่การดำเนินการอาจไม่ได้รวดเร็วเท่ากรณีของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่มีความชัดเจน แต่ มก.ก็มีกระบวนการตรวจสอบ และได้สืบหาข้อเท็จจริง รวมทั้ง อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะมีวิธีลงโทษทางวินัยที่มากน้อยขนาดไหน เพราะทางมหาวิทยาลัยต้องให้โอกาสอาจารย์ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดด้วย ว่ามีเหตุผลอะไร อย่างไร แต่คาดว่าเร็วๆ นี้ จะได้ผลสรุปจากการสืบหาข้อเท็จจริง

“ถ้าผลการสอบสวนพบว่าอาจารย์ มก.มีความผิดจริง ก็ต้องยอมรับว่าผิดจริง แต่ผลสรุปยังไม่ออกมา ดังนั้น ต้องให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง ทำหน้าที่ตรวจสอบ และสอบสวนทางวินัยให้เรียบร้อยก่อน เพื่อความมั่นใจว่ามหาวิทยาลัยลงโทษคนไม่ผิด” ดร.จงรัก กล่าว

Advertisement

ดร.จงรักกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ถ้าพบว่าอาจารย์ มก.คนไหนก็ตาม ได้ลอกผลงาน หรือซื้อขายงานวิจัย ทางมหาวิทยาลัยคงปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เพราะสิ่งนี้คือจรรยาบรรณของความเป็นอาจารย์ และนักวิจัย ถ้าหากยังซื้อผลงานวิจัยอยู่แบบนี้ ก็เหมือนเป็นการส่งเสริมให้นิสิต นักศึกษา เกิดการทุจริตทางอ้อม และหากพบหลักฐานชัดเจนว่าอาจารย์ซื้อผลงานวิจัย แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นที่จะต้องรับโทษที่ร้ายแรง เพราะทุกมหาวิทยาลัยถือว่าเรื่องนี้เป็นความผิดที่ร้ายแรง และจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้

“สมัยก่อนไม่เรียกว่าการซื้อผลงานการวิจัย เพราะความสำคัญของการตีพิมพ์ ที่จะเอาไปแข่งขัน หรือได้รับรางวัล หรือการสร้างความโดดเด่น ผ่านผลงานของคนๆ นั้น ยังมีไม่มาก แต่ในช่วงหลังที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น น่าจะไม่เกิน 10 ปี หรือ 5 ปีหลัง ที่มีความเข้มข้นในการตีพิมพ์ในวารสารที่มีมาตฐานสูงสุด ไม่ว่าจะกลุ่มที่ 1 หรือว่ากลุ่มที่ 2 ค่อนข้างที่จะได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก จึงทำให้ทุกคนอยากที่จะตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการ รวมถึง มหาวิทยาลัยเองอาจจะพยายามสร้างแรงจูงใจ ให้ค่าตอบแทน รวมทั้ง อาจจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณการวิจัยในอนาคต เหตุนี้เองจึงอาจทำให้อาจารย์ทุกคนอยากจะมีชื่อเสียง และเร่งผลิตผลงานให้ออกมาเยอะๆ จึงอยากจะได้ผลงานทางวิชาการ เพื่อชื่อเสียง และเงินทอง” ดร.จงรัก กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image