สอศ.เร่งเคลียร์ปม อาชีวะเอกชน แจ้งปิดกิจการกะทันหัน อ้างเด็กเรียนน้อยไม่คุ้มทุน

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา( สอศ.)ได้รับรายงานจาก สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด (สอจ.) สุราษฎร์ธานี กรณีที่มีผู้ปกครองนักศึกษาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร้องเรียนว่าทางวิทยาลัยได้เชิญประชุมผู้ปกครองนักศึกษาชั้น ปวช.1-2 และ ปวส.1 มาประชุมเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 และแจ้งยุบปิดกิจการวิทยาลัยกะทันหัน โดยอ้างว่ามีนักเรียนสมัครเข้าเรียนน้อยไม่คุ้มค่าใช้จ่าย และให้นักเรียนทั้งหมดหาที่เรียนใหม่ โดยได้ประสานวิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานีไว้ให้นั้น ขณะนี้เบื้องต้น สอจ. สุราษฎร์ธานี ได้หารือ และพูดคุยกับวิทยาลัยในจังหวัด ทั้งอาชีวะรัฐและเอกชนในการที่จะรองรับและดูแลผู้เรียนจากวิทยาลัยดังกล่าว ให้มีที่เรียนและสามารถจบการศึกษาได้ตามที่ตั้งไว้ โดยความสมัครใจและความเหมาะสมของผู้เรียนในสาขาวิชาต่างๆ ที่ได้ลงทะเบียนไว้กับวิทยาลัยเดิม เช่น วิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานี ก็มีความพร้อมที่จะรับผู้เรียนให้เรียนต่อในประเภทวิชาอุตสาหกรรม สาขาช่างยนต์ สาขาช่างไฟฟ้ากำลัง ส่วนในสาขาอื่นๆ ก็อยู่การตัดสินใจของผู้ปกครองและผู้เรียนว่าจะเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยใด ซึ่งในวันที่มีการประชุมผู้ปกครองและแจ้งยุบปิดกิจการนั้น นอกจากวิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นวิทยาลัยรัฐแล้ว ก็มีวิทยาลัยเทคโนโลยี ดอนบอสโกสุราษฎร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสุราษฎร์พาณิชยการ ซึ่งเป็นอาชีวะเอกชนที่เปิดสอนด้านอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมร่วมด้วย

เลขาธิการกอศ. กล่าวต่อว่า  ทั้งนี้ สอศ. ได้มอบหมายให้ สอจ.สุราษฎร์ธานี หารือและเตรียมความพร้อมในทุกมิติ เช่น การจัดหลักสูตรความต่อเนื่องของการเรียนการสอน สถานประกอบการหรือการฝึกงาน และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นต้น เพื่อให้ผู้เรียนและผู้ปกครองที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะเลือกสถานศึกษาในการเข้าเรียนต่อจากการณีดังกล่าว เพื่อรองรับผู้เรียนทุกคนได้มีที่เรียนและจบการศึกษาตามที่กำหนด พร้อมเป็นกำลังคนอาชีวศึกษาที่สำคัญของประเทศต่อไป

นายยศพล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ได้มีความห่วงใยผู้เรียนอาชีวะที่จะต้องมีที่เรียนอย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รับรายงานจากสำนักบริหารการอาชีวศึกษาเอกชน (สอช.) ซึ่งวิทยาลัยเอกชนดังกล่าว ได้รายงานการดำเนินการ หลังจากประชุมชี้แจง ผู้ปกครอง ดังนี้

1. นักเรียนในระดับ ปวช.3 จบปีการศึกษา 2 รอบ คือ รอบแรก 28 คน และรอบสอง 24 คน

Advertisement

2. นักเรียนในระดับ ปวส. 2 จบปีการศึกษา 2 รอบ คือ รอบแรก 28 คน และรอบสอง 22 คน
โดยการรับใบระเบียนแสดงผลการเรียน (รบ.) รอบแรกในวันที่ 31 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป และรอบสองรับ รบ. ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

3. นักเรียนกำลังเรียน ปวส.2 (จบ ม.6) จะต้องเรียนภาคฤดูร้อนอีก 1 ภาคเรียน และจบการศึกษาในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567

4. นักเรียนระดับ ปวช.1 ปวช.2 และ ปวส.1 ที่ยังไม่จบการการศึกษา ทางวิทยาลัย ฯ จะออก รบ. ศึกษาต่อให้นักเรียนทุกคนเพื่อไปสมัครเรียนต่อ ภายในวันที่ 16 เมษายน 2567 หรือถ้านักเรียนต้องการ รบ. ก็จะทำหนังสือรับรองการศึกษาให้ก่อน ทั้งนี้ วิทยาลัยฯ มีความจำเป็นจะต้องจ้างครูบางส่วน เพื่อทำหน้าที่ จนเสร็จสิ้นการส่งนักเรียนให้หมดทุกคน และได้ประสานไปยัง วิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโกสุราษฎร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสุราษฎร์พาณิชยการ และวิทยาลัยการอาชีพไชยา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในการรับนักเรียนไปศึกษาต่อ โดยวิทยาลัยฯ จะปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567

Advertisement

เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อไปว่า ส่วนในเรื่องของการยุบปิดกิจการสถานศึกษาเอกชน นั้น ทางสำนักบริหารการอาชีวศึกษาเอกชน (สอช.) รายงานว่า เมื่อสถานศึกษาประสงค์ขออนุญาตเลิกกิจการโรงเรียน จะต้องยื่นคําขอเพื่อขอรับการพิจารณาอนุญาตให้เลิกกิจการโรงเรียนในระบบ พร้อมด้วยเหตุผลต่อผู้อนุญาตล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันก่อนสิ้นปีการศึกษา โดย สอศ.จะมีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการเลิกดำเนินกิจการของสถานศึกษา โดยให้สถานศึกษาดำเนินดังนี้ กลุ่ม 1. ผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา สถานศึกษาจะต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้ชัดเจนว่า การประกาศเลิกกิจการมิใช่เป็นการเลิกกิจการทันที แต่โรงเรียนยังมีภารกิจในการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับนักเรียน นักศึกษาและผู้ปกครอง ในเรื่องของเอกสารหลักฐานการศึกษา และการส่งต่อนักเรียน นักศึกษาที่ยังไม่สำเร็จการศึกษาที่ประสงค์ไปสถานศึกษาแห่งอื่น กลุ่ม 2. ครู และบุคลากรทางการศึกษา การให้จ่ายเงินชดเชยแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งนี้ก็จะเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการคุ้มครองการทำงานของครูใหญ่และครูโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2552 ข้อ 32 และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยตนได้กำชับให้ สอช. สำรวจและรายงานข้อมูลสถานศึกษาที่ยื่นเรื่องขอหรือมีแนวโน้มที่จะปิดยุบเลิกกิจการ ให้ สอศ. ทราบเป็นรายเดือน เพื่อเตรียมรองรับผู้เรียนให้สามารถเรียนได้อย่างต่อเนื่อง และดำเนินการตรวจสอบข้อมูลให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ส่วนในเรื่องเงินอุดหนุนสถานศึกษานั้นทาง สอศ. ได้มอบหมายให้ สอช.และ สอจ. เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลส่วนที่เป็นจุบัน พบว่าสถานศึกษามีจำนวนนักเรียนที่รับเงินอุดหนุน ปีการศึกษา 2566 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ จำนวน 196 คน (ข้อมูล ณ มกราคม 2567) การจ่ายเงินอุดหนุนมีหลักเกณฑ์คือ กรณีสถานศึกษาขอเลิกกิจการตั้งแต่ปีการการศึกษา 2567 เป็นต้นไป ส่วนราชการจะดำเนินการจ่ายเงินอุดหนุนตามจำนวนนักเรียนที่ได้ลงทะเบียนและเรียนอยู่จริงจนถึงเดือนพฤษภาคม 2567 ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการกำหนดมาตรการช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนเอกชนเป็นเงินอุดหนุนรายบุคคล พ.ศ. 2558 ซึ่งหน่วยงานทั้งสอช. และสอจ.จะต้องร่วมกันดำเนินการตรวจสอบข้อมูล และรายงานให้ สอศ.ทราบ อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการแจ้ง ทำความเข้าใจ และหาที่เรียนให้กับกลุ่ม 1 ผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา ซึ่งสถานศึกษาจะต้องจัดทำรายงานดังกล่าว และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องยื่นมายัง สอศ. ซึ่ง สอศ. ก็จะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบและพิจารณาในเรื่องของการขอเลิกกิจการตามระเบียบต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image