ผลสอบ ผอ.หวงเก้าอี้ ออกแล้ว ผิดวินัยไม่ร้ายแรง ชี้มีปัญหากับคนอื่นอีก ให้เวลาปรับปรุงตัว 60 วัน

ผลสอบ ผอ.หวงเก้าอี้ ผิดวินัยไม่ร้ายแรง ปรับทัศนคติ ให้โอกาสปรับปรุงตัว 60 วัน

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ดำเนินการติดตามและตรวจสืบข้อเท็จจริงเชิงลึก ในกรณี ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ร้อยเอ็ด ไม่พอใจที่ ครูในโรงเรียน นั่งเก้าอี้ของตน และสั่งการให้เจ้าหน้าที่โรงเรียนจัดซื้อเก้าอี้ใหม่มาทดแทน โดย สพฐ.ได้สั่งการผู้อำนวยการเขตพื้นที่เร่งสืบสวนข้อเท็จจริงและรายงานผลต่อ สพฐ.ภายใน 7 วันนั้น

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า หลังจากมีคำสั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียน มารายงานตัวและปฏิบัติราชการที่เขตพื้นที่โดยทันที ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวน รวมทั้งให้ความคุ้มครองครู และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ล่าสุด สพป.ร้อยเอ็ด เขต 1 ได้รายงานผลการสืบข้อเท็จจริง พบว่า พฤติกรรมดังกล่าวของผู้อำนวยการโรงเรียน ถือเป็นกรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างไม่ร้ายแรง เมื่อได้ผลสรุปแล้ว ก็จะดำเนินการทางวินัยกับบุคคลดังกล่าวตามระเบียบ พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งต้องรอสรุปผลการสอบต่อไป โดยยังคงให้ปฏิบัติราชการอยู่ที่เขตพื้นที่

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวว่า พร้อมทั้งให้โอกาสด้วยการปรับทัศคติ ให้แก้ไขทั้งเรื่องการบริหารงาน การใช้อำนาจ โดยเฉพาะการใช้คำพูด เพราะจากข้อมูลพบว่าผู้อำนวยการโรงเรียนไม่ได้มีปัญหาแค่กับครูที่เป็นข่าว แต่ยังมีปัญหากับนักการภารโรง นักเรียน หรือแม้แต่ผู้ปกครองนักเรียน โดยให้กำหนดระยะเวลา 60 วัน หากยังไม่ปรับปรุงต้องไปทำหน้าที่อื่น ซึ่งเทียบเท่ากับตำแหน่งเดิม ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1 จะเป็นผู้ประเมินต่อไป

Advertisement

“เรื่องสวัสดิภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงความปลอดภัยในสถานศึกษา เป็นนโยบายที่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งเราไม่แบ่งแยกว่าเป็นผู้บริหารหรือระดับปฏิบัติการ เพราะทั้งครูและผู้บริหารต่างก็มีบทบาทและความสำคัญต่อการพัฒนาผู้เรียนและการศึกษาชาติ ต่างเป็นคนของ สพฐ. รวมเป็น OBEC One Team และเมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นก็ต้องมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้กระจ่าง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หากพบว่ากระทำการที่ไม่เหมาะสมก็ต้องได้รับการพิจารณาโทษเป็นกรณีไป ทั้งนี้ หากพบเหตุที่ไม่เหมาะสมใดๆ ขอให้ส่งข่าวแจ้งเหตุมายัง สพฐ. เราพร้อมดำเนินทุกมาตรการเพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยของทุกคน และมุ่งสู่การศึกษา ‘เรียนดี มีความสุข’ ด้วยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ‘จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน’ อย่างแท้จริง” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image