นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวระหว่างเปิดการประชุมเสวนาสภาการศึกษา ครั้งที่ 17 เรื่องการศึกษาสำหรับผู้สูงอายุว่า แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2579 มีผลบังคับใช้แล้ว โดย สกศ.ขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติซึ่งยุทธศาสตร์ที่ 3 ของแผนให้ความสำคัญต่อการจัดการศึกษาผู้สูงอายุไว้ชัดเจนคือ การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณลักษณะและทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคนทุกช่วงวัยที่เหมาะสม ยกระดับแหล่งเรียนรู้ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ ข้อมูลที่น่าสนใจ คือ ประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว มีสถิติว่าปี 2564 มีผู้สูงอายุเกินร้อยละ 20 ของจำนวนประชากร หรือประมาณ 13 ล้านคน และก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัวในปี 2574 จำนวนผู้สูงอายุมากถึงร้อยละ 28 ประมาณ 18 ล้านคน ขณะที่สัดส่วนอัตราการเกิดของเด็กมีเพียงร้อยละ 0.5 ต่อปีเท่านั้น
นายกมลกล่าวว่า การจัดการศึกษาผู้สูงอายุในแผนการศึกษาชาติ ระยะ 20 ปี จึงต้องมีความพิเศษและสอดคล้องกับการจัดการศึกษาตลอด 5 ช่วงวัย ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงสูงอายุ ทุกคนต้องได้รับการศึกษาที่เหมาะสม ดังนั้น สกศ.เร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่ 3 ดังกล่าวเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุให้มีทักษะความรู้ความสามารถเหมาะสมกับช่วงวัย ตัวชี้วัดที่สำคัญคือ ผู้สูงอายุได้รับการบริการการศึกษา การพัฒนาทักษะอาชีพ ได้รับการส่งเสริมให้เข้าทำงาน สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ องค์ความรู้แก่คนรุ่นหลัง และสามารถเรียนรู้ประสบการณ์เพิ่มเติมได้อย่างเหมาะสม
นายประยุทธ หลักคำ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กลุ่มเป้าหมายพิเศษ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) กล่าวว่า กศน.ขับเคลื่อนการศึกษาของผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2557 เป้าหมายคือลดสัดส่วนผู้สูงอายุติดบ้านและนอนติดเตียง หันมาติดสังคม โดยการดึงผู้สูงอายุออกจากบ้านมาร่วมกิจกรรมเพื่อเสริมศักยภาพการเรียนรู้ พร้อมกันนี้จัดหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุ จำนวน 420 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันใช้เครือข่ายจัดการเรียนรู้ของกรมอนามัยเป็นกลไกขับเคลื่อน และพบว่ากลุ่มอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุร้อยละ 80 มีงานทำ ทั้งนี้ กศน.ใช้กลไก กศน.ตำบล อำเภอ จังหวัด และ กศน.ภาค ร่วมขับเคลื่อน
