| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|---|
| เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 29 เมษายน นายพิทักษ์ เฉลิมเล่า ประติมากรชำนาญการ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เปิดเผยว่า พญาครุฑสูง 2 เมตร ประดับชั้น 3 บริเวณเชิงบันไดของพระเมรุมาศทั้ง 4 ด้าน ด้านละ 1 คู่ รวมทั้งหมด 8 องค์ ทั้งหมดจะหล่อมาจากต้นแบบดินเหนียว 2 แบบ โดยต้นแบบดินเหนียวพญาครุฑองค์แรกเพิ่งปั้นเสร็จเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมาหลังจากขึ้นรูปเมื่อเดือนมีนาคม รวมใช้เวลาปั้น 2 เดือน จะถอดพิมพ์ยางซิลิโคนวันที่ 2 พฤษภาคม ก่อนจะเคลื่อนไปยังอาคารปฏิบัติงานชั่วคราวที่สนามหลวงเพื่อหล่อไฟเบอร์กลาสออกมา 4 องค์
นายพิทักษ์กล่าวว่า แนวคิดที่สอดแทรกงานปั้นต้นแบบดินเหนียวพญาครุฑองค์แรกสื่อถึงสิ่งที่ชาวโลกมองต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งชาวโลกมองว่าพระองค์ทรงพระปรีชาสามารถมากมายหลายด้าน อาทิ ด้านเทคโนโลยี ตนก็จะสอดแทรกสิ่งเหล่านั้นอยู่ในงานปั้น คนดูต้องมองและตีความจากงานปั้นเองว่าตนสอดแทรกอยู่ที่ใดบ้าง พญาครุฑคือตราแผ่นดินและเป็นพาหนะของพระวิษณุ ฉะนั้นลักษณะโดดเด่นของต้นแบบพญาครุฑองค์แรกจึงอยู่ที่รูปพระโพธิสัตว์บริเวณยอดมงกุฎของพญาครุฑ สื่อว่าพระโพธิสัตว์คือในหลวงรัชกาลที่ 9 และพญาครุฑคือพาหนะที่พาพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย
นายพิทักษ์กล่าวต่อว่า หลังจากถอดพิมพ์ยางซิลิโคนต้นแบบดินองค์แรกแล้ว ตนจะขึ้นรูปต้นแบบดินเหนียวพญาครุฑองค์ที่ 2 คราวนี้รูปร่างจะเหมือนมนุษย์ ขณะที่องค์แรกลักษณะออกไปในทางสากลเพราะต้องการสื่อถึงแนวคิดของชาวโลกที่มีต่อในหลวง รัชกาลที่ 9 แต่ต้นแบบดินเหนียวพญาครุฑองค์ที่ 2 จะมีลักษณะออกไปทางไทยๆ โดยจะมีลายกนกเข้ามาเกี่ยวข้อง ท่าทางของขานกจะแตกต่างจากองค์แรกและจะมีปีกอยู่ที่บั้นเอว ทั้งนี้เนื่องจากต้องการสื่อถึงคนไทยว่าคิดอย่างไรต่อพระองค์ท่าน โดยเราจะใช้พละ 5 คือ ศรัทธาพละ วิริยะพละ สติพละ สมาธิพละ และปัญญาพละ อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะน้อมนำพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นต้นแบบในการถ่ายทอดสู่ลูกหลานต่อไป ซึ่งการถ่ายทอดตนมองว่าไม่มีทางจบสิ้น เราสามารถถ่ายทอดไปได้อย่างไม่มีสิ้นสุด หลังจากปั้นต้นแบบดินเหนียวพญาครุฑองค์ที่ 2 เสร็จแล้ว ก็จะถอดพิมพ์ยางซิลิโคนและส่งไปหล่อไฟเบอร์กลาสที่สนามหลวงเช่นเดียวกัน โดยจะหล่อไฟเบอร์กลาสออกมาอีก 4 องค์
