เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอิสระฯ ว่า ที่ประชุมได้เชิญนางนราพร จันทร์โอชา รองประธานมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม มาให้ความคิดเห็นข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษาทางไกล ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งนางนราพรได้ให้รายละเอียดทั้งรูปแบบการดำเนินการ รวมถึงการผลการประเมินต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ และเห็นว่า ทิศทางต่อไปของการปฏิรูปการศึกษา จะต้องใช้การศึกษาทางไกลเข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้มากขึ้น โดยเฉพาะข้อจำกัดในเรื่องการเข้าถึงการศึกษา ของนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล ขาดแคลนครูที่เรียนอยู่ในโรงเรียนขนาดเล็ก จำนวน 15,369 โรงเรียน ที่การศึกษาทางไกลเข้าไปช่วยให้เด็กเหล่านี้ได้รับการศึกษาที่เท่าเทียม
นพ.จรัส กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบ แต่ตั้งบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมเป็นคณะอนุกรรมการในชุดต่าง ๆ ทั้งนี้ที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการฯ แต่ละชุดได้รับฟังความคิดเห็น ซึ่งแนวทางของคณะกรรมการอิสระฯ หากเรื่องใดที่ทำได้เลยก็จะเสนอไปโดยตรงที่หน่วยงานนั้นๆ เช่น เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เราก็เสนอไปโดยตรง ขณะเดียวกัน ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการยกร่างพ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ…. ขึ้นใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับนัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่กำหนดเรื่องการศึกษาไว้หลายเรื่อง ที่ไม่มีอยู่ในพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับเดิม
“การยกร่าพ.ร.บ.การศึกษาฯ ฉบับใหม่นี้จะยึดร่างพ.ร.บ.การศึกษาฯ ที่นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ดำเนินการเป็นหลัก โดยคณะกรรมการอิสระฯ จะรวมรวบความคิดเห็นจากหลายภาคส่วนมาประกอบ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฯ ฉบับใหม่ ซึ่งในมาตราแรกกำหนดให้ยกเลิกพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับปี2542 ปี2545และปี2553 ทิ้งและเริ่มต้นใหม่ ซึ่งจะเร่งดำเนินการยกร่างพ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ให้เสร็จภายใน 2 ปี ส่วนจะมีการกำหนดเรื่องโครงสร้างศธ.ไว้ในพ.ร.บ.ฉบับใหม่ด้วยหรือไม่นั้น เบื้องต้น ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว แต่หากในอนาคต จำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างศธ. ก็สามารถกำหนดไว้ในกฎหมายลูก ในส่วนของการปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม ได้”นพ.จรัสกล่าว
