ปธ.สืบสวนฯกองทุนเสมาฯ อายัดคอมพ์ ‘รจนา’ สาวเส้นทางโกง เล็งชง ‘หมอธี’ ฟันวินัยขรก.ก่อนหยุดสงกรานต์

ความคืบหน้ากรณีมีการโอนเงินจากกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ไปยังบัญชีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 22 บัญชี ระหว่างปี 2550-2561 เป็นเงิน 118 ล้านบาท โดยล่าสุดคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(อ.ก.พ.สป.ศธ.) ได้มีมติให้ไล่ออกจากราชการ นางรจนา สินที อดีตนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ (ซี 8) สำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา สป.ศธ. อดีตผู้ดูแลกองทุนเสมาฯ เนื่องจากมีการโอนเงินกองทุนเสมาฯ ไปยังบัญชีของญาติและพรรคพวกไม่น้อยกว่า 22 บัญชี ไม่ต่ำกว่า 88 ล้านบาทนั้น

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนฯ ได้ดำเนินการสืบสวนทั้งพยานเอกสารหลักฐานและพยานบุคคลคืบหน้าไป 90% แล้ว โดยที่ผ่านมาได้เจอเอกสารระหว่างปี 2549 ปี 2548 ปี 2547 และปี 2546 แล้ว หลังจากก่อนนี้ได้ค้นเจอเอกสารระหว่างปี 2551 ปี 2552 และปี 2553 แล้ว และได้ตรวจสอบไปเรียบร้อยแล้ว

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า หลังจากที่เจอเอกสารระหว่างปี 2546-2549 ตอนนี้อยู่ระหว่างไล่ตรวจเอกสารของปี 2549 เป็นปีแรก เมื่อตรวจเสร็จแล้วจึงจะไล่ไปยังปี 2548 ปี 2547 และปี 2546 ตามลำดับ โดยนับแต่การตรวจสอบเอกสาร ปี 2550-2561 เริ่มเห็นเค้าลางเส้นทางการทุจริตว่ามีรูปแบบอย่างไร แต่ตนยังไม่สามารถให้ข่าวได้เพราะเกรงจะเสียรูปคดี ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการเชิญข้าราชการศธ.ที่ยังรับราชการอยู่มาให้ปากคำแล้วกว่า 10 คน ซึ่งมีตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการสำนัก ซี 9 ไปจนถึงระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน และภายในสัปดาห์หน้า จะเชิญนางรจนา สินที อดีตนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ อดีตผู้ดูแลกองทุนเสมาฯ รวมถึงอดีตข้าราชการศธ.ที่เกษียณอายุราชการไปแล้วที่เกี่ยวข้อง รวม 4 คน มาให้ปากคำ โดยขณะนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับจากอดีตข้าราชการและนางรจนาว่าจะมาในช่วงเวลาไหน นอกจากนี้ตนได้ทำหนังสือถึงปลัดศธ. รองปลัดศธ. อดีตปลัดศธ.และอดีตรองปลัดศธ.ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนเสมาฯ ในปี 2550 จำนวนประมาณ 10 คน เพื่อให้ชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการกองทุน โดยขอให้ตอบชี้แจงกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 10 เมษายน ซึ่งขณะนี้ได้ทำหนังสือออกไปเรียบร้อยแล้ว

นายอรรถพล กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นตั้งแต่ปี 2561 ไล่ไปจนถึงปี 2550 พบว่ามีการทุจริตเงินกองทุนเสมาฯ วงเงินไม่น่าถึง 118 ล้านบาทแล้ว เพราะเป็นลักษณะหมุนเงิน ตัวเลขที่เสียหายแท้จริงจึงไม่ถึง 118 ล้านบาท แต่จะเป็นจำนวนเท่าไรนั้น ยังไม่สามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้ เพราะยังตรวจสอบเอกสารไม่หมด ยังเหลือปี 2546-2549 ทั้งนี้ตนจะพยายามตรวจสอบพยานเอกสารหลักฐานและพยานบุคคลและเร่งสรุปเสนอนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการศธ.ให้แล้วเสร็จก่อนปิดช่วงสงกรานต์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเอกสารที่ตนขอให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.) ทั่วประเทศ ตลอดจนกลุ่มผู้บริหารระดับสูงและอดีตผู้บริหารระดับสูงประมาณกว่า 10 คนที่ตนขอให้ทำหนังสือชี้แจงมาด้วยว่าจะสามารถตอบกลับมาทันตามกำหนดเวลาที่ขอหรือไม่ โดยในส่วนของศธจ. ตนขอให้สำรวจข้อมูลนักเรียนที่ไม่ได้รับเงินกองทุนเสมาฯ และส่งข้อมูลกลับมายังตนภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาศธจ.ส่งมาแล้ว 20 กว่าจังหวัด ตอนนี้ติดเสาร์อาทิตย์ จึงคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าน่าจครบทั่วประเทศ ส่วนกลุ่มผู้บริหารระดับสูงและอดีตผู้บริหารระดับสูงประมาณ 10 รายนั้น ตนขอให้ทำหนังสือชี้แจงตอบกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 10 เมษายนนี้ ถ้าได้ข้อมูลครบ 2 ส่วนนี้ตนก็สามารถเร่งสรุปข้อมูลทั้งหมดเสนอรัฐมนตรีว่าการศธ.ได้ทันก่อนปิดเทศกาลสงกรานต์ แต่ถ้าไม่ทัน ก็ตั้งใจว่าอย่างช้าที่สุดที่จะสรุปเสนอรัฐมนตรีว่าการศธ.คือช่วงเปิดทำการสัปดาห์แรกหลังหยุดสงกรานต์หรือราววันที่ 17-20 เมษายนนี้

Advertisement

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า จริงๆ แล้วตนมีข้อมูลในส่วนของเด็กที่ไม่ได้รับเงินกองทุนเสมาฯ อยู่แล้ว เพียงแต่รอข้อมูลจากศธจ.เพื่อมาตรวจสอบซ้ำให้รอบคอบแค่นั้น ขณะเดียวกันข้อมูลในส่วนของผู้บริหารระดับสูงของศธ.และอดีตผู้บริหารระดับสูงที่ตนขอให้ตอบกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรนั้น ก็เพื่อมาดูคำอธิบาย แต่ข้อมูลหลักๆ มีจากเอกสารหลักฐานแล้ว ทั้งนี้คณะกรรมการสืบสวนฯชุดของตนจะไม่สรุปความผิดของใครและจะไม่เสนอว่าใครควรต้องรับโทษอย่างไร แต่จะสรุปแค่มูลความผิดเพื่อเป็นข้อมูลให้รัฐมนตรีว่าการศธ.พิจารณาลงโทษ ฉะนั้นเท่ากับว่าการลงโทษตามพยานหลักฐานก็เป็นไปตามดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการศธ. ซึ่งในส่วนของผู้ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ไม่ต้องรับผิดในทางวินัย แต่จะต้องชดใช้ในส่วนของความผิดทางละเมิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิด ที่ต้องดำเนินการต่อไป

“เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ผมได้ใช้อำนาจในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนฯ สั่งอายัดคอมพิวเตอร์ของนางรจนาที่ใช้อยู่ในศธ. ตอนนี้อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของนางรจนาอยู่ เมื่อได้ข้อมูลแล้วจะมอบให้ปปง.ดำเนินการสืบสวนเส้นทางเงินและตามเงินที่เหลืออยู่กลับมาต่อไป โดยสรุปตอนนี้มีอยู่ 3 คดี คือ 1.คดีมูลฐานที่นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดศธ.แจ้งความที่สน.ดุสิต เมื่อได้ผลอย่างไรแล้วก็ส่งต่อให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.)ดำเนินคดีอาญา 2.การยึดเงินคืนและหาว่าเงินที่เหลืออยู่อยู่ส่วนไหนบ้าง เป็นหน้าที่ของ ปปง.และ3.ปปง.จะทำคดีฟอกเงินด้วย ซึ่งตอนนี้ผมยังตอบไม่ได้ว่าการทุจริตคราวนี้ จะทำเป็นเครือข่ายที่มีนอกเหนือจากนางรจนาหรือไม่นั้น ผมไม่กล้าฟันธง อยากให้รอฟังผลจากปปง.และป.ป.ท.ซึ่งจะทำการสืบสวนเชิงลึกได้ดีกว่าศธ.” นายอรรถพลกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image