ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|---|
เผยแพร่ |
ศิลาจารึกปราสาทเมืองเก่า พบเมื่อ พ.ศ.2533 ขณะขุดแต่งปราสาทเมืองเก่า บ้านเมืองเก่า ต.โคราช อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
กรมศิลปากรจัดเก็บ “ศิลาจารึกปราสาทเมืองเก่า” ปะปนกับโบราณวัตถุอื่นในคลังของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา แต่ลงทะเบียนผิดพลาดคลาดเคลื่อนเป็น “ศิลาจารึกปราสาทเมืองแขก” เลยถูกทิ้งไว้ไม่มีใครรู้นานเกือบ 30 ปี
ผิดวิสัยอย่างยิ่ง เพราะตามหลักสากลแล้ว ศิลาจารึกต้องดูแลจัดเก็บเป็นพิเศษ ป้องกันการกระทบขีดข่วนถึงตัวอักษร ซึ่งเสี่ยงลบเลือนชำรุดจนอ่านไม่ได้ แต่นี่ทำอย่างชิ้นส่วนศิลาศิวลึงค์โกลนๆ วางตามยถากรรมเหมือนปลัดขิก
ส่งคืนท้องถิ่น
ศิลาจารึกปราสาทเมืองเก่า ซึ่งกรมศิลปากรเก็บไว้ในห้องเก็บของที่เรียกคลัง แต่ยังไม่อ่าน ไม่จัดแสดง ไม่แบ่งปันข้อมูลความรู้สู่สาธารณะ จึงควรส่งคืนถิ่นเดิม อ.สูงเนิน อาจจัดแสดงในอาคารชั่วคราว มีให้พิจารณา 2 แห่ง คือ
1. วัดปรางค์เมืองเก่า เป็นที่ตั้งปราสาทซึ่งพบศิลาจารึกฯ หลักนี้
2. โรงเรียนสูงเนิน มีห้องแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์สูงเนินอยู่แล้ว ชื่อ “ห้องพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นศรีจนาศะ” และมีครูดูแลประจำเอาใจใส่จริงจังเรื่องท้องถิ่น
การจัดแสดงชั่วคราว ต้องมีคำอธิบายย่อเกี่ยวกับความเป็นมาทางประวัติศาสตร์สังคมของท้องถิ่น เช่น
(1.) บ้านเมืองเก่า (2.) ปราสาทเมืองเก่า (3.) ข้อความในศิลาจารึก (4.) เมืองเสมา(5.) เมืองราด (6.) พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ฯลฯ
นักโบราณคดีในกรมศิลปากร มีประสบการณ์พบเห็นมามากจนชาชินเหมือนของไร้ค่า แต่กับจารึก “อโรคยาศาล” ของชัยวรมันที่ 7 หลักนี้มีค่ามหาศาลต่อสำนึกคนท้องถิ่นที่รักบ้านเกิดเมืองนอนของตน
กรุณาอย่าประเมินท้องถิ่นมีค่าต่ำต้อยเหมือนเคยทำเป็นกิจวัตรต่อท้องถิ่นอื่นๆ ทั่วไป
ยากเยียวยาระบบทะเบียน
ศิลาจารึกปราสาทเมืองเก่า เป็นพยานความหละหลวมของกรมศิลปากรในการทำงานทางพิพิธภัณฑ์และโบราณคดี แสดงว่าโบราณวัตถุจำนวนไม่น้อยถูกปล่อยปละละเลย และอาจถึงขั้นสูญหายโดยไม่มีใครรู้ แล้วถูกทำให้ลืมๆ กันไป
ทะเบียนโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศหละหลวมอย่างยิ่ง ไม่น้อยกว่า 50 ปีมาแล้ว (ไม่ใช่เพิ่งพบคราวนี้) นับแต่มีการปรับปรุงการจัดแสดงทันสมัยเป็นแบบสากล แล้วมีพิธีเปิดครั้งใหญ่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ.2510
การโยกย้ายโบราณวัตถุจากแบบเก่าเพื่อจัดแสดงใหม่ แล้วบางส่วนเก็บเข้าคลัง แต่ทะเบียนหละหลวม จึงมีของสูญหายจำนวนมาก เป็นข่าวใหญ่ในสื่อสมัยนั้น มีข้าราชการถูกลงโทษหลายคน (ผมเคยทำข่าวเรื่องเหล่านี้บ้าง ครั้งคดียืดเยื้อถึงหลัง 14 ตุลา 2516 ในหนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน แต่ลืมไปแล้วไม่น้อยว่าใครบ้าง?)
ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนในกรมศิลปากรที่เคยบริหารงานพิพิธภัณฑ์และโบราณคดี พูดตรงกันตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ว่าระบบหละหลวมอย่างยิ่งยวด จนยากจะเยียวยาแก้ไขงานทะเบียนโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เพราะข้าราชการที่เกี่ยวข้องทุกระดับมัก “ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี” ไม่มีคนเอาใจใส่ทำงานจริงจังด้านทะเบียนโบราณวัตถุ
ถึงอย่างไรก็ต้องแก้ไข เพียงแต่ยังหาทางไปไม่พบ ได้แต่หวังว่าต้องพบทางสว่างสักวันข้างหน้า แม้ยากยิ่งก็ไม่ควรสิ้นหวัง
สื่อมวลชนไทยเข้าไม่ถึงงานสำคัญด้านทะเบียนโบราณวัตถุเหล่านี้ แม้ชี้เบาะแสก็ไม่ใส่ใจ จึงไม่เห็นหรือมองข้ามไปเห็นอย่างชื่นชมแต่ผักชีแต่งชุดไทยใส่โจงเขมร