11 สภาวิชาชีพเล็งยื่นหนังสือถึง‘บิ๊กตู่’ค้านห้ามรับรองหลักสูตร

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม สมาพันธ์สภาวิชาชีพ ซึ่งประกอบด้วยสภาวิศวกร สภาสถาปนิก สภาทนายความ สภาวิชาชีพบัญชี สภาเทคนิคการแพทย์ สภากายภาพบำบัด สภาเภสัชกรรม สภาวิชาชีพบัญชี สภาการพยาบาล แพทยสภา สัตวแพทยสภา ร่วมกันจัดงานเสวนาเรื่อง ร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา พ.ศ….ผลกระทบต่อวิชาชีพและประชาชน  โดย นายกมล ตรรกบุตร นายกสภาวิศวกร เป็นตัวแทนสมาพันธ์วิชาชีพ กล่าวว่า สภาวิชาชีพมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการศึกษาของชาติ ทำหน้าที่รับรองหลักสูตรและปริญญาสาขาวิชาชีพทั้ง 11 สาขา ซึ่งส่งผลต่อชีวิตประชาชน โดยให้คำแนะนำคณะต่างๆ ตั้งแต่การจัดการเรียน หลักสูตร การฝึกปฏิบัติให้ได้มาตรฐานสากล แต่เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.การอุดมศึกษา ห้ามไม่ให้สภาวิชาชีพรับรองหลักสูตรและอนุมัติปริญญา แต่ให้จัดสอบผู้ที่สำเร็จการศึกษา เพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพ ซึ่งสมาพันธ์ฯ เห็นว่า หากสภาวิชาชีพไม่ได้เข้าไปดูแลตั้งแต่การจัดการเรียนการสอนจะไม่สามารถกำหนดมาตรฐานได้ ปัจจุบันมหาวิทยาลัยไทยมีทั้งรัฐและเอกชน ซึ่งจัดการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพมีจำนวนมากและมีความหลากหลาย จำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรฐานการเรียนการสอนตั้งแต่เร่ิมต้น เพื่อรับประกันเบื้องต้นว่า ผู้จบการศึกษามีมาตรฐานสมรรถนะ ตามเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อจะได้สอบขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้ หากให้สภาวิชาชีพจัดสอบเพียงอย่างเดียวหลังจากจบการศึกษาแล้วหรือดูแลขั้นตอนปลายน้ำ จะส่งผลกระทบ 2 ประการคือ 1.เราไม่สามารถทราบได้ว่าผู้เรียนได้มาตรฐานหรือไม่ 2.ส่งผลกระทบต่อผู้เรียนโดยตรงซึ่งปัจจุบันแม้ว่าสภาวิชาชีพจะรับรองหลักสูตรก็ยังมีผู้สอบผ่านเพื่อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เพียงร้อยละ 10 ของแต่ละวิชาชีพ ดังนั้นหากผู้เรียนไม่สามารถสอบผ่านเพื่อรับใบประกอบวิชาชีพได้ เราจะได้ผู้ประกอบวิชาชีพเถื่อนที่ไม่ได้รับใบอนุญาตอยู่ในสังคมมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงสังคมและประเทศชาติ  นอกจากนี้ เราเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว มีการเปิดกว้างให้ 7 อาชีพเข้ามาทำงานได้ในไทย ซึ่งต้องให้สภาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องรับรองหลักสูตร เทียบโอน หรือให้เรียนเพิ่มเติมให้ได้มาตรฐานเท่าเทียมกับประเทศไทย  แต่เมื่อกฎหมายใหม่ห้ามไม่ให้สภาวิชาชีพรับรองหลักสูตร ก็จะทำให้คนต่างชาติเข้ามาทำงานได้สะดวก ไม่มีเงื่อนไขใดๆ จะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน

“สมาพันธ์วิชาชีพทั้ง 11 แห่ง เคยเข้าพบ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) นพ.อุดม คชินทร  รัฐมนตรีช่วยว่าการศธ. และคณะผู้ร่างกฎหมายดังกล่าว รวมทั้งนพ.จรัส สุวรรณเวลาประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา(กอปศ.) เพื่อนำเสนอผลกระทบต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นเราจะรวบรวมความเห็นจากสมาชิกทุกสภาวิชาชีพเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบปัญหานี้ต่อไป” นายกมลกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image