เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ว่า ตนได้เน้นย้ำเรื่องมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของภาคเอกชน ต่อไปนี้จะมีมาตรการตรวจสอบ มีการข่าว การสุ่มตรวจ รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ต่อไปจะขึ้นบัญชีโรงเรียนเอกชนที่ส่งข้อมูลเท็จด้วย จะทำการสุ่มตรวจแต่ละพื้นที่เพื่อไม่ให้มีการกระทำความผิด ตนมองว่าระบบและข้อมูลที่มีอยู่นั้นไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาในระดับการปฏิบัติที่หละหลวม คือพบข้าราชการมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดซึ่งต่อไปจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
รัฐมนตรีว่าการ ศธ. กล่าวต่อว่า ตนได้มอบหมายอำนาจให้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. กำกับดูแลการศึกษาภาคใต้เพื่อความสะดวกในทำการบูณาการกับฝ่ายความมั่นคงและให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ในพื้นที่ภาคใต้ปรึกษาพล.อ.สุรเชษฐ์ อนาคตศธ. จะรวบรวมข้อมูลทุกฝ่ายให้อยู่ในฐานข้อมูลเดียวกัน
นายพะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการ กช. กล่าวว่า เรื่องตรวจสอบเงินอุดหนุนการศึกษาขั้นพื้นฐานของเอกชน ขณะนี้กำลังปรับระบบการตรวจสอบอยู่ โดยเบื้องต้นให้มีการเซ็นรับเด็ก หรือลงไปสุ่มตรวจนับเด็ก หากพบมีการทำผิด ทั้งนี้ในการตรวจสอบข้อมูล ปกติจะตรวจสอบวันที่ 10 มิถุนายนของทุกปี คือภาคเรียนที่ 1 และ สช.จะตรวจอีกครั้งในภาคเรียนที่ 2 คือวันที่ 10 พฤศจิกายน ทั้งนี้นักเรียนเอกชนเคลื่อนไหวตลอด จึงต้องตรวจสอบทุกเดือนก่อนเบิกงบหรือจ่ายเงินอุดหนุนรายหัว
“ในที่ประชุมกช. มีข้อเสนอจากฝ่ายความมั่นคงว่า เรื่องทางภาคใต้ต้องการให้มีคณะกรรมการที่บริหารจัดการในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะ และยังเสนอให้มีคณะกรรมการเกี่ยวกับการตรวจสอบเงินอุดหนุนว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ เรื่องการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับครูที่ต้องดูแลมาตรฐานการศึกษา ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันว่าต้องไปสำรวจความต้องการของพื้นที่ สช.จะหารือพล.อ.สุรเชษฐ์ต่อไป” เลขาธิการกช.กล่าว
