เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน นายพล ศรัทโธ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ปปช.) ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า หลังนำเจ้าหน้าที่ ปปช.ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านท่าใหม่ หมู่ 17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี สืบข้อเท็จจริงและหาพยานหลักฐาน กรณีการจัดอาหารกลางวันให้นักเรียนชั้นอนุบาลกินขนมจีนคลุกน้ำปลาที่มีการเผยแพร่ทางสื่อโซเชียล และใช้อำนาจนำเอกสารรายงานจัดซื้อวัสดุเครื่องบริโภคเพื่อประกอบอาหารกลางวัน ของโรงเรียนมาตรวจสอบพบว่า จากการตรวจสอบการจัดซื้อวัสดุไม่มีใบเสร็จ หรือหลักฐานอื่นใดเกี่ยวกับสินค้ามาแสดง แต่มีเพียงการลงบัญชีรายการสินค้าพร้อมราคาของแต่ละวันเท่านั้น ถือเป็นการปฎิบัติผิดระเบียบพัสดุของทางราชการ
นายพล กล่าวว่านอกจากนี้เอกสารที่ยึดเพื่อนำมาตรวจตั้งแต่ปี 2557-2561 ปรากฎเป็นการลงรายการบัญชีที่ซ้ำ ๆ กัน และไม่มีความแตกต่าง ซึ่งบางรายการมีความเป็นไปได้น้อย เช่น การซื้อก๊าซหุงต้มทุกอาทิตย์ ซึ่งเอกสารที่ตรวจยึดมามีบัญชีรายการอาหารประจำวันของเด็กนักเรียนที่ทางโรงเรียนต้องจัดทำเป็นรายสัปดาห์
“ พบว่าตั้งแต่ปี 2557 -2561 มีรายการจัดทำอาหารจานเดียวทั้งหมด และไม่มีผลไม้ ตามรายการดังนี้ วันจันทร์ ข้าวหมูแดงสลับกับข้าวมันไก่ วันอังคาร ผัดหมี่เหลือง วันพุธ ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส วันพฤหัสบดี ขนมจีน และวันศุกร์ ข้าวผัด ซึ่งเมนูเหล่านี้จะมีการสลับหมุนเวียนกันเป็นรายสัปดาห์และไม่มีการเปลี่ยนแปลงรายการอาหารอื่นเข้ามาเพิ่มเติม” นายพล กล่าว
นายพล กล่าวอีกว่า การสอบถามพยานบุคคลที่เป็นครูและผู้ทำหน้าที่ตรวจรับพัสดุ จำนวน 2 คน พบว่าตั้งแต่ปี 2557เอกสารที่จัดทำขึ้นเป็นเพียงเพื่อตกแต่งบัญชี และไม่เคยมีการตรวจรับพัสดุตามระเบียบราชการ ซึ่งข้าราชการทั้ง 2 คนยอมรับว่า ที่ผ่านมามีความอึดอัดเนื่องจากทราบดีว่าเป็นการทำผิดระเบียบราชการ แต่ไม่สามารถโต้แย้งผู้อำนวยการโรงเรียนได้
“ จากการสืบหาข้อเท็จจริงและตรวจสอบพยานเอกสาร ได้พบสิ่งพิรุธอย่างน้อย 3 ข้อ เอกสารเป็นเท็จ , ไม่มีการตรวจรับพัสดุ และไม่มีเอกสารตัวตนแสดงตัวตนว่าเป็นผู้ขาย จึงได้สรุปได้ว่า น่าจะเป็นไปตามข้อร้องเรียนว่ามีการทุจริต ซึ่งจะสรุปสำนวนเสนอคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 8 เพื่อขออนุมัติการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยคาดว่าภายในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ จะสามารถเข้าที่ประชุมเพื่อขออนุมัติได้
