เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโซเชียลมีเดียได้เผยแพร่กระทู้ “โดนมหาวิทยาลัย…เท เรามาขอความเป็นธรรม” ใจความว่า เป็นเด็กซิ่วต่างจังหวัด รู้ตัวเองว่าอยากจะเข้าคณะอะไร ตั้งใจหาข้อมูล และรีบเตรียมตัว เพราะไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว คณะที่ตั้งใจจะเข้าคือ วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มธ.ท่าพระจันทร์ หรือ PBIC ที่สนใจคณะนี้เพราะไม่เอาเกรดเฉลี่ยนี่แหล่ะ และเกรดเราก็น้อยด้วย ทีนี้เราก็เลยเข้าไปดูกำหนดการณ์คุณสมบัติเฉพาะของคณะนี้ สาขาที่เราอยากเข้าคือ จีนศึกษา ในกำหนดการเขียนบอกไว้ว่า สำเร็จชั้น ม.6 หรือเทียบเท่า (ไม่ใช้เกรด), TU-GET ไม่ต่ำกว่า 500, มีผลสอบ HSK ระดับ 4 จึงเข้ากรุงเทพฯ ตอนปลายเดือนพฤศจิกายน 2560 และเรียนพิเศษจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เตรียมตัวเหมือนเด็กซิ่วคนอื่นๆ สมัครข้อเขียนในเดือนมีนาคม และประกาศผลสอบข้อเขียนของ PBIC เดือนเมษายน
“เมื่อยื่นทีแคส รอบ 3 เดือนพฤษภาคม จุดพีคอยู่เดือนนี้แหล่ะ เมื่อกลับไปดูกำหนดการณ์ใหม่ของ มธ.ที่ออกเกณฑ์ใหม่ทีหลังในเดือนเมษายน อ่านไปอ่านมา ห้ะ เห้ยใช่หรอว่ะ? กำหนดการณ์ใหม่บอกว่าเอาเกรดเฉลี่ย 2.50 …เอาใหม่ขออ่านอีกรอบ ตี 4 ไงฉันคงเบลอมั้ง เห้ยยย ไม่ใช่แหล่ะ นางบอกว่านางเอาเกรดด้วย อ้าวทำไม…ทำไมมาบอกตอนนี้ ไม่ออกก่อนช่วงสมัครข้อเขียนหล่ะ? ละที่ฉันเตรียมตัวมา 4-5 เดือนเพื่อสอบข้อเขียนหล่ะ เท่ากับ0งี้เหรอ?”
คำถามคือ? 1.ทำไมกำหนดการตัวใหม่ถึงเพิ่งออกหลังสอบข้อเขียนเสร็จแล้ว ถ้าจะเปลี่ยน ควรเปลี่ยนให้เร็วกว่านี้ไหม ออกก่อนช่วงที่รับสมัครสอบยังดี นักเรียนจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา และเสียเงินสมัคร นี่เท่ากับว่าเสียตังค์ฟรีสิงั้นนะ รึ…มหาลัยอยากจะเปลี่ยนตอนไหนก็ได้งี้เหรอ คืออยากรู้ว่ามหาลัยกำลังเล่นอะไรอยู่ เราไม่สนุกด้วยหรอกนะ!
2. ถ้าเด็กบางคนเขาเตรียมเพื่อจะเข้าแค่รอบ 3 เท่านั้นหล่ะ เขาไม่ได้สอบ GAT-PAT หรือ 9 วิชา เพราะเขาเตรียมตัวมาแค่นี้ตามที่กำหนดการคณะได้บอกไว้ และมีแค่เกณฑ์ที่คณะบอกจะเอาแค่นี้ แต่คณะดันเปลี่ยนกำหนดการใหม่ แล้วคนพวกนี้ละ เขาไม่เสียโอกาสฟรีๆ เหรอ ไม่แฟร์เลย แล้วยิ่งมาเจอระบบ TCAS 3 อีก โคตรจะกั๊กที่อีกเหอะ โอ้ยยยยยยย
จบ…(อนาคตฉันก็เช่นกัน)
อันนี้กำหนดการณ์แรกของมหาลัย วันที่19 ก.ย. 60 (คิดดูฉันเตรียมตัวมากี่เดือน!)
(ไฟล์ภาพ แคปในกระทู้ https://www.dek-d.com/board/view/3857008/)
อันนี้กำหนดการณ์ใหม่ ซึ่งมาตอนไหนก็ไม่รู้(จนท.บอกออกสักพัก) อืมม
(ไฟล์ภาพ แคปในกระทู้ https://www.dek-d.com/board/view/3857008/)
จากกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.ชาลี เจริญลาภนพรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการปฏิบัติการแทนอธิการบดี ได้ออกแถลงการณ์ มธ.ชี้แจงกรณีมีผู้สมัครขอความเป็นธรรมจากการปรับเกณฑ์การคัดเลือกเข้าศึกษา รอบที่ 3 ของหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาจีนศึกษา (หลักสูตรนานาชาติ) วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ว่า ตามที่มีการตั้งกระทู้ “โดนมหาวิทยาลัย…เท เรามาขอความเป็นธรรม” ที่กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การคัดเลือกเข้าศึกษารอบที่ 3 ทำให้ผู้สมัครไม่ได้รับความเป็นธรรม และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเซียลมีเดียนั้น
ขอชี้แจงว่า วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ได้รับอนุมัติให้ปรับเปลี่ยนคุณสมบัติ และเกณฑ์คัดเลือก โดยกำหนดให้มีคะแนนเฉลี่ยสะสม 2.50 ขึ้นไป ในช่วงเดือนมกราคม ก่อนที่จะเปิดรับสมัครสอบข้อเขียนวิชาเฉพาะ ต่อมามหาวิทยาลัยได้รวบรวมข้อมูล แก้ไขเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติผู้สมัคร และเกณฑ์การคัดเลือกของคณะ/หน่วยงานต่างๆ ในช่วงเดือนมีนาคม และออกประกาศคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษา รอบที่ 3 ในวันที่ 3 เมษายน ซึ่งผู้สมัครจะทราบคุณสมบัติ และเกณฑ์ที่ปรับใหม่ ก่อนการเปิดรับสมัครรอบที่ 3 ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ในวันที่ 9-19 พฤษภาคม
ในกรณีนี้ มธ.ขอยอมรับในความล่าช้าของการออกประกาศเกณฑ์ใหม่ และยินดีให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครรายนี้ โดยยกเว้นเกณฑ์คะแนนเฉลี่ยสะสม 2.50 แต่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฎว่าผู้สมัครรายนี้ไม่ผ่านการคัดเลือกรอบที่ 3 เนื่องจากมีคะแนนภาษาอังกฤษที่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ประกาศไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2560
นอกจากนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครทุกคนที่สอบข้อเขียนไป ซึ่งได้รับผลกระทบจากมหาวิทยาลัยประกาศเกณฑ์ใหม่ล่าช้า หากผู้สมัครใดมีผลคะแนนข้อเขียนเฉพาะวิชา และมีผลคะแนนภาษาอังกฤษผ่านตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย แต่มีคะแนนเฉลี่ยนต่ำกว่า 2.50 มหาวิทยาลัยยินดีให้ผู้สมัครที่ได้รับผลกระทบกลุ่มดังกล่าว มายื่นสมัครในรอบที่ 5 เพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกได้ ทั้งนี้ มธ.จะปรับปรุงกระบวนการทำงาน ที่เกี่ยวกับกระบวนการคัดเลือกให้รัดกุม และรวเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อผู้สมัครอีกต่อไป
