ป.ป.ช.ฟันอาญา-วินัยร้ายแรง นพรัตน์ อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ กับพวก โกงเงินทอนวัด 30 ล้าน

ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นพรัตน์ อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ กับพวก โกงเงินทอน 8 วัด เสียหายกว่า 30 ล้าน หักค่าหัวคิวคืนวัดละ 90 %

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดทั้งอาญาและวินัยร้ายแรงต่อ นายนพรัตน์ เบญจนานันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กับพวกร่วมกันทุจริตเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด ประจำปี 2557 ของสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่จัดสรรให้กับวัดโพธิ์ทองและวัดตำหนัก (ภาวนาราม) และวัดจงกลณี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดเพลง(กลางสวน) กรุงเทพมหานคร วัดใหญ่ จังหวัดสมุทรปราการ วัดเกาะแก้วอรุณคาม จังหวัดสระบุรี วัดห้วยจระเข้ จังหวัดนครปฐม และวัดกลางเหนือ จังหวัดสมุทรสงคราม โดยในกรณีของวัดโพธิ์ทอง วัดตำหนักและวัดจงกลนี นายนพรัตน์ได้อนุมัติจ่ายเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวัดละ 1,000,000-2,000,000 บาท ทั้งที่วัดไม่ได้ยื่นคำขอรับเงินอุดหนุนไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผ่านเจ้าคณะพระสังฆาธิการ เจ้าสังกัดและเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองตามลำดับ

โดยมีเงื่อนไขว่าวัดที่ขอรับเงินอุดหนุนจะได้รับเงินอุดหนุนเพียงร้อยละ 10 ของเงินที่ได้รับเท่านั้น ส่วนอีกร้อยนละ 90 จะต้องส่งคืนให้กับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อนำไปสนับสนุนวัดในถิ่นทุรกันดาร และวัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งหลังได้รับเงินมีการแจ้งเจ้าอาวาสให้เบิกเงินอุดหนุนดังกล่าวมาคืนให้น.ส.ประนอม คงพิกุล โดยวัดโพธิ์ทองได้รับเงิน 90,000 บาท วัดตำหนักได้เงิน 100,000 บาท วัดจงกลนี ได้รับเงิน 2,000,000 บาท แต่ต้องจ่ายคืนให้กับน.ส.ประนอม 1,600,000 บาท ทำให้ได้รับเงินจริงเพียง 400,000 บาท

ส่วนอีก 5 วัดที่เหลือเป็นกรณีอ้างว่าวัดขอรับเงินอุดหนุนเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์เนื่องจากประสบวินาศภัย โดยวัดห้วยจระเข้ วัดใหญ่วัดละ 4,000,000 บาท วัดเพลง(กลางสวน)และวัดเกาะแก้วอรุณคาม วัดละ 5,000,000 บาท วัดกลางเหนือ 10,000,000 บาท ทั้งที่ในข้อเท็จจริงวัดไม่เคยมีคำขอรับเงินอุดหนุนและไม่ได้ประสบวินาศภัย ดังนั้นการกระทำของนายนพรัตน์กับพวก เป็นการอนุมัติเงินอุดหนุนวัดไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์ทำให้เกิดความเสียหายต่อสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แม้ภายหลังวัดจะเบิกเงินมาใช้ในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดจริงโดยไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่รัฐไปเรียกรับเงินหรือขอเงินคืนจากงบประมาณที่ได้รับไปก็ตาม แต่ ป.ป.ช.ก็เห็นว่าการกระทำของนายนพรัตน์ ทั้ง 8 สำนวนคดี มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 มาตรา 162(1)(4) ประกอบมาตรา 83 พ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 423/1 รวมทั้งมีการชี้มูลความผิดอาญาพระครูปลัดวิสุทธิวัฒน์ (ไพโรจน์ บุญโสม) พระมหาสมบัติอาภากโร(สมบัติ ระสารักษ์) นางวรัญญู เพชรรัตน์ น.ส.ประนอม นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ตามมาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 พ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 423/1 รวมถึงชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงต่อนายนพรัตน์ น.ส.ประนอมและนายวสวัตติ์ เพิ่มด้วย

Advertisement

โดย ป.ป.ช.ได้ส่งรายงานการไต่สวนสำนวนเอกสารและคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีในศาลที่มีเขตอำนาจ รวมถึงส่งไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินคงวามผิดทางวินัยตามฐานความผิด พร้อมแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ 2539 ด้วย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไล่ตามหาเงินทอนวัด ‘เจ้าคุณแจ๊ค’ อีก 90 ลบ. ตร.มีหลักฐานมัดแน่น!
สั่งยึดทรัพย์ 56 ล้าน ‘อดีตผอ.ส่วนบูรณะ’ สำนักพุทธฯ คดีเงินทอนวัด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image