‘เสริมศักดิ์’ เผยภูเก็ต เป็นเจ้าภาพไทยแลนด์เบียนนาเล่ ครั้งที่ 4 ปี 2025 ชูศิลปะส่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยว เสริมสร้างเศรษฐกิจ soft power และภาพลักษณ์สู่ระดับนานาชาติ
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมกับจังหวัดต่างๆ ได้จัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ หรือ Thailand Biannale ต่อเนื่องมาแล้ว 3 ครั้ง โดยคัดเลือกจังหวัดที่มีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะนำทุนทางธรรมชาติ ทุนทางวัฒนธรรม รวมถึงทุนด้านอื่นๆ มาต่อยอดจัดงานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติ เริ่มจากครั้งแรก จัดที่จังหวัดกระบี่ เมื่อปี 2018 ครั้งที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี 2021 และครั้งที่ 3 กำลังจัดงานที่จังหวัดเชียงราย ในปี 2023 ซึ่งมีผลตอบรับที่ดีจากการจัดงานดังกล่าว ก่อให้เกิดผลดีทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสะท้อนศักยภาพการจัดงานด้านศิลปะร่วมสมัยในเวทีนานาชาติ ขณะนี้มีผู้เข้าชมงาน ประมาณ 245,000 คน หรือเฉลี่ยประมาณ 7,000 คนต่อวัน ไม่รวมผู้เข้าชมผ่านระบบออนไลน์
นายเสริมศักดิ์กล่าวต่อว่า เพื่อให้การจัดงานมีความต่อเนื่อง รวมทั้งยกระดับการจัดงานให้ได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้งานไทยแลนด์เบียนนาเล่ ปรากฏเป็นเทศกาลสำคัญในแผนที่ศิลปะของโลก กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ได้เชิญชวนให้จังหวัดต่างๆ แสดงความประสงค์สมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาคัดเลือกจังหวัดที่มีศักยภาพและมีความพร้อม ประกอบด้วย ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินร่วมสมัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปะ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งด้านส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้านการจัดงานระดับนานาชาติ ด้านการตลาด นักวิชาการด้านศิลปะ ภัณฑารักษ์ รวมทั้งผู้แทนศิลปินที่เคยร่วมงานและร่วมจัดงานใน 3 ครั้งที่ผ่านมาและผู้บริหารสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมเป็นกรรมการด้วย
“จังหวัดที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale 2025 ครั้งที่ 4 จำนวน 3 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดภูเก็ต (ภาคใต้) นครสวรรค์ (ภาคเหนือ) และประจวบคีรีขันธ์ (ภาคกลาง) โดยคณะกรรมการได้กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกเป็นส่วนข้อมูลศักยภาพความโดดเด่นของจังหวัด รวมถึงผลประโยชน์ด้านการพัฒนาเมืองหากได้รับการคัดเลือก และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นเจ้าภาพ ส่วนที่ 2 เป็นการประเมินตนเองตามดัชนีการคัดเลือกเมือง 3 ด้าน คือ มิติด้านพื้นที่ ด้านผู้คน และด้านพลวัต และส่วนที่ 3 เป็นการพิจารณาองค์ประกอบ หรือศักยภาพความพร้อมอื่นๆ เช่น ศักยภาพโดยรวม ความพร้อมและความเป็นไปได้ในการปฏิบัติจริง และประสบการณ์ในการจัดงานระดับนานาชาติ โดยเปิดโอกาสให้ทั้ง 3 จังหวัดนำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุมด้วย ซึ่งจังหวัดภูเก็ตมีนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นหัวหน้าคณะนำเสนอ พร้อมด้วยนางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกสมาคมศิลป์ภูเก็ต และคณะ จังหวัดนครสวรรค์ มีนายทวี เสริมภักดีกุล” นายเสริมศักดิ์กล่าว
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นหัวหน้าคณะนำเสนอ พร้อมด้วยนายสันติ คุณาวงศ์ ประธานหอศิลป์นครสวรรค์ และคณะ ส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีนายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นหัวหน้าคณะนำเสนอ พร้อมด้วยนายชาญวิทย์ อุณหสุทธิยานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และคณะ เมื่อคณะกรรมการได้ร่วมกันพิจารณาข้อมูลและอภิปรายอย่างกว้างขวางแล้ว จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า จังหวัดที่มีศักยภาพและความพร้อมมากที่สุดในการเป็นเจ้าภาพการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale ครั้งที่ 4 ในปี 2025 คือ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากมีศักยภาพโดดเด่น ทั้งด้านธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการจัดงานพร้อมทุกด้าน มีประสบการณ์จัดงานในระดับนานาชาติมาแล้วหลายงาน รวมถึงผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ในระดับดีทุกด้าน รวมทั้งมีการเตรียมความพร้อมรับเป็นเจ้าภาพและมีข้อมูลความร่วมมือของทุกหน่วยงานในพื้นที่ที่ชัดเจน เป็นรูปธรรมทั้งหน่วยงานภาคราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน ศิลปิน และภาคประชาชน ตลอดจนมีการวางแผนงานและงบประมาณรองรับไว้ด้วย ประกอบกับจังหวัดภูเก็ตมีแผนและเป้าหมายที่จะนำศิลปะไปส่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยว เสริมสร้างเศรษฐกิจ และภาพลักษณ์สู่ระดับนานาชาติอยู่แล้ว จึงมีความเชื่อมั่นว่าจังหวัดภูเก็ต น่าจะจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale ครั้งที่ 4 ในปี 2025 จนประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี และสามารถยกระดับการจัดงานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยของประเทศไทยให้ได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติมากยิ่งขึ้น ตามนโยบายการส่งเสริม soft power โดยใช้ศักยภาพด้านศิลปะของรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรมด้วย โดย สศร. ร่วมกับจังหวัดภูเก็ตจะเตรียมความพร้อมการจัดงาน และจัดตั้งงบประมาณรองรับการจัดงานต่อไป