สืบเนื่องจากกรณีกลุ่มบุคคลปีนป่ายโบราณสถานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยโพสต์ภาพและข้อความในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก พร้อมติดแฮชแท็ก “คนบาป 2018” ก่อให้เกิดการวิพากษ์อย่างหนักจากสังคม กระทั่งผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเข้าแจ้งความดำเนินคดีเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จากนั้น เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ กลุ่มบุคคลดังกล่าวทั้ง 5 ราย ได้เดินเข้ากราบไหว้และขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดมหาธาตุ ก่อนที่จะเดินทางไปศาลแขวงพระนครศรีอยุธยาเพื่อนัดฟังคำพิจารณาคดี กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งความคืบหน้าว่า ศาลแขวงฯ มีคำสั่งปรับรายละ 5,000 บาท ไม่มีโทษจำคุกนั้น
ต่อมา ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน อุทยานฯได้เผยแพร่ข้อมูลเพิ่มเติม โดยระบุถึงการฝ่าฝืนระเบียบฯ ว่ามีแนวทางปฏิบัติหลายระดับ ขึ้นอยู่กับกรณี ส่วนประเด็นที่เป็นข่าวนั้น เกิดจากการที่ผู้ฝ่าฝืนใช้คำบรรยายภาพในลักษณะ “ท้าทาย” กระทบบรรทัดฐานสังคม โดยเนื้อหามีดังนี้
“อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาขอชี้แจงแนวทางปฏิบัติในการดำเนินการในกรณีที่มีการฝ่าฝืนกฎกระทรวง ระวางโทษตามกฎหมาย จำคุก 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
1.เจ้าหน้าที่ตักเตือนทันทีเมื่อพบเห็น
2.ลงบันทึกประจำวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกตัวผู้กระทำผิดมาตักเตือน อบรมเรื่องกฎระเบียบ ในกรณีที่ไม่ได้เจตนา หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
3.แจ้งความดำเนินคดี ส่งฟ้องให้ศาลพิจารณาคดี ในกรณีที่เจตนา ตั้งใจฝ่าฝืนกฎระเบียบ เช่น ป้ายเตือน คำตักเตือนจากเจ้าหน้าที่ ทำลาย หรือทำให้โบราณสถานเสื่อมค่า
ดังนั้น ทุกกรณีที่เกิดขึ้นนั้นมีแนวทางการดำเนินงานในระดับต่างๆ กัน ขึ้นกับเจตนาที่ส่งผลกระทบต่อโบราณสถานโดยตรง หรือกระทบต่อบรรทัดฐานทางสังคม…ในกรณีล่าสุดที่ถูกวิจารณ์และเป็นกระแสนั้นคือ แคปชั่นที่ท้าทาย ฝ่าฝืนต่อกฎระเบียบ”
