สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย เดินทางสักการะพระธาตุ-วัดสำคัญในเชียงราย

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 จัดกิจกรรมสักการะพระธาตุและวัดสำคัญใน จ.ภาคเหนือ โดยคณะได้เดินทางเป็นวันที่ 4 เเล้วโดยวันนี้เดินทางไปที่พระธาตุและวัดสำคัญใน จ.เชียงราย อาทิ พระธาตุจอมกิตติ พระธาตุผาเงา จ.เชียง ,พระธาตุดอยตุง จ.เชียงราย ,และพระมหาเจดีย์ชเวดากอง(องค์จำลอง) โดยมีพระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล ,พระธรรมวรนายก ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา ,พระเมธีวรญาณ (ท่านเจ้าคุณสายเพชร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤฏ์ (ท่าพระจันทร์ กทม.)นายวินัย วีระภุชงค์ ประธานมูลนิธิวีระภุชงค์ และนวลละออ วีระภุชงค์ พร้อมครอบครัว, นายชัช ชลวร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานชมรมโพธิคยาฯ นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานชมรมฯ นายสุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันฯนายเกษม มูลจันทร์ รองเลขาธิการ สถาบันฯ ร่วมกิจกรรม พร้อมด้วยผู้ร่วมคณะอาทิ พล.อ.ยศนันท์ หร่ายเจริญ รอง ผบ.ทสส.และพล.อ.วิชิต ยาทิพย์ ประธานสมาคมมิตรภาพไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะได้เดินทางไปสักการะวัดพระธาตุจอมกิตติ จากนั้นเดินทางต่อไปยังวัดพระธาตุผาเงา วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ขุนผาพิงหรือขุนพิง (พระองค์พิง) ผู้ครองนครโยนก องค์ที่ 23 ช่วงปี พ.ศ. 494 – 512 เป็นผู้สร้างเจดีย์ไว้บนหินก้อนใหญ่ที่เชิงเขาดอยจันทร์ ซึ่งเข้าใจว่าหมายถึงพระธาตุผาเงา โดยวันที่ 17 มีนาคม 2519 ได้ปรับพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางตื่นเต้นและปิติยินดีของทุกคน เมื่อได้พบพระพุทธรูปที่มีลักษณะสวยงามมาก ผู้เชี่ยวชาญโบราณวัตถุ วิเคราะห์ว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีอายุระหว่าง 700-1,300 ปี จึงได้ตั้งชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อผาเงา” และเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น “วัดพระธาตุผาเงา”คณะทำพิธีบวงสรวงพระธาตุผาเงาแห่งนี้ด้วย

Advertisement

ต่อจากนั้นคณะเดินไปที่วัดเจดีย์หลวง สักการะพระธาตุวัดที่เก่าแก่ของเมืองเชียงแสน สร้างโดยพระเจ้าแสนภู พระราชนัดดาของพ่อขุน เม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์ของอาณา จักรล้านนาไท เมื่อ พ.ศ. 1887(ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่19) พระธาตุเจดีย์หลวงได้ชื่อมาจากพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในวัดซึ่งสูงถึง 88 เมตร มีฐานกว้าง 25 เมตร เป็นพระเจดีย์ ทรงระฆังแบบล้านนาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงแสน ภายในวัดมีกำแพงเมืองเก่าล้อมรอบ มีต้นสักขึ้นปกคลุมไปทั่วบริเวณวัด

ด้านพระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ทำให้ผู้ที่ร่วมกิจกรรมได้เข้าใจศิลปวัฒนธรรมเข้าใจในคุณค่าของพระพุทธศาสนาในภาคเหนือ ซึ่งพุทธศาสนิกชนยังคงยึดมั่นในพระพุทธศาสนานำไปสู่การเผยแผ่ให้กับลูกหลานต่อไป นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโลกทรรศ์ให้ญาติโยมที่ร่วมเดินทางได้เข้าใจถึงเรื่องศาสนกิจได้ถูกต้องและเป็นการต่อยอดไปสู่โครงการอื่นๆของสถาบันโพธิคยาฯต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image