เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ เลขาธิการพรรคพลังท้องถิ่นไท อดีตเลขาธิการสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตอบข้อหารือกระทรวงมหาดไทยเปิดไฟเขียวให้ผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น ช่วย ส.ส.หาเสียงได้ ขณะที่ก่อนหน้านั้น กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งเวียนให้วางตัวเป็นกลาง และปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 5 กุมภาพันธ์ 2562 ปัญหานี้เกิดจากกระทรวงมหาดไทยทำเกินอำนาจหน้าที่และไม่ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เนื่องจากเอาอำนาจของ กกต.ไปสั่งการผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาทั่วประเทศ ทั้งที่ควรแจ้งให้ผู้บริหาร สมาชิกสภาท้องถิ่น ไม่ควรใช้อำนาจหน้าที่เพื่อช่วยเหลือผู้สมัคร ส.ส. และควรศึกษากฎหมายอื่นประกอบ เช่น การสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง
ด้าน นายจุฬา มีบุญรอด นายกสมาคมสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามหลักการสมาชิกสภาท้องถิ่นสามารถช่วยเหลือผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงได้ เนื่องจากถือว่าเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง และการใช้อำนาจหน้าที่แตกต่างจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งการทำหน้าที่ของบุคคลเหล่านี้ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ที่ผ่านมาเมื่อกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือแจ้งเวียนให้ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นวางตัวเป็นกลาง ทุกฝ่ายก็ต้องน้อมรับไปปฏิบัติในฐานะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย แต่ในข้อเท็จจริง หลังออกหนังสือสั่งการในการเลือกตั้งทุกครั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอก็ไม่ได้กวดขันเป็นพิเศษ
“หลังจาก กกต.เปิดช่องให้ช่วยหาเสียงได้ เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงกับปัญหาการร้องเรียนในภายหลัง หรือถ้าหากสมาชิกสภาท้องถิ่นต้องการช่วยเหลือผู้สมัครรายใดก็จะทำในลักษณะแอบแฝง ไม่มีการเปิดเผยตัวตนอย่างแน่นอน เนื่องจากทราบว่าประชาชนในแต่ละเขตเลือกตั้งชื่นชอบผู้สมัครจากหลายพรรคการเมือง หากเปิดเผยตัวไปช่วยพรรคการเมืองใดก็จะมีปัญหาทันที เพราะในอนาคต เมื่อสมาชิกสภาท้องถิ่นหมดวาระการดำรงตำแหน่งก็จะต้องออกไปหาเสียงให้ตนเองตามปกติ ดังนั้น การแอบแฝงเพื่อช่วยผู้สมัคร ส.ส.หาเสียง ถือเป็นการหลบเลี่ยงไม่ให้เสียคะแนนนิยมในสนามเลือกตั้งท้องถิ่น และไม่ทำให้ประชาชนตั้งข้อสังเกต”
