‘อนุทิน’ ลั่นยึดกติกาสากลโหวตเลือกนายกฯ เตือนชิงตั้ง รบ.เสียงข้างน้อย คือตายทั้งเป็น ชี้อยู่ได้เพราะเสียง ส.ส.
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวดีลลับระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในวงพูดคุยระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันเมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมาว่า รอดูผลคะแนนหลังการเลือกตั้ง ทำงานด้วยกันมา 4 ปี การกินข้าวด้วยกันเป็นเรื่องแปลกตรงไหน ถ้าจะพูดคุยเป็นความลับจริงๆ คงไม่มีพูดคุยกันถึง 8 คน
เมื่อถามต่อว่า ระหว่างการร่วมรับประทานอาหาร ได้มีการพูดคุยถึงคดีความของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค ภท. ที่ขณะนี้ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า นายศักดิ์สยามมั่นใจในการชี้แจงคดี ซึ่งตรงนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของราชการ เมื่อต้องชี้แจง เขาก็มีหน้าที่ชี้แจงไป
เมื่อถามว่า จะเปิดเผยรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีของพรรค ภท.ในช่วงเวลาใด นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ลงตัวแล้ว กำลังดำเนินการจัดเตรียมเอกสาร หากจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว จะมีการเรียกประชุมภายในพรรคอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง มีการโจมตีพรรค ภท.อย่างต่อเนื่องนั้น จะส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ ช่วงที่มีเรื่องนี้ออกมา พรรคได้เร่งทำโพลในพื้นที่ต่างๆ แล้ว ผลปรากฏว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไร คะแนนความนิยมของพรรค ภท.ก็ดีมากขึ้น
เมื่อถามว่า หากผลคะแนนการเลือกตั้งของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกมาเท่ากับคะแนนของพรรค ภท. พรรค ภท.จะหลีกทางให้พรรค รทสช.หรือไม่ในการเลือกแคนดิเดตนายกฯ นายอนุทินกล่าวว่า กติกาสากลมีระบุอยู่แล้วว่าผู้ที่ได้คะแนนมากและได้คะแนนน้อย จะต้องปฏิบัติอย่างไร เรื่องการเมืองไม่พ้นกติกาพวกนี้อยู่แล้ว อย่าไปกังวล ไม่ต้องรอผลการรับรองอย่างเป็นทางการ
รอให้ผลการเลือกตั้งนิ่งและชัดเจนก่อน เพราะคืนของวันที่ 14 พฤษภาคม ก็พอเห็นเค้าลางแล้ว หากพูดอะไรออกไปตนกลัวว่าจะเป็นการไม่ให้เกียรติประชาชน เพราะฉะนั้นตนจะยังไม่ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางใดๆ จนกว่าผลการเลือกตั้งจะออกมา แต่ละพรรคการเมืองมีนโยบายเป็นของตนเอง ผู้บริหารพรรคการเมืองในฐานะปัจเจกบุคคลไม่ได้มีปัญหากับใคร ถ้าเราอยู่ในองค์กรแบบนี้ เราไปพูดคุยความคืบหน้าสถานการณ์ต่างๆ ไม่ใช่ความลับอะไร หากจะลับจริงๆ ทำไมจะลับไม่ได้ แสดงว่าไม่มีความลับอะไร รูปถึงได้ถูกเผยแพร่มา
เมื่อถามว่า จะมีกติกาพิเศษออกมาในการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีใครรับกติกาแปลกๆ ที่ออกมา เนื่องจากมีกติกาสากลควบคุมอยู่ คะแนนสูงสุดมีสิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อน หากจัดตั้งไม่สำเร็จก็เป็นพรรคถัดไป สุดท้ายอยู่ที่ว่าใครจะเป็นเสียงข้างมากในสภา อย่าไปกลัวรัฐบาลเสียงข้างน้อย หลังการเลือกตั้งเสร็จยังมีเวลา 45-60 วันในการรับรองผลการเลือกตั้ง ยังมีโอกาสในการเจรจาหารือได้
เมื่อถามว่า จะมีความเป็นไปได้หรือไม่กับสูตรการจัดตั้งรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีมาจากเสียงข้างน้อยและได้รับเลือกในสภา แต่ไม่ใช่มาจากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายอนุทินถึงกับอุทานว่า “โอ้โห นั่นมันตายทั้งเป็นนะ คงไม่มีใครกล้า อย่าลืมว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่เราใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 ในการกำหนดให้ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. มีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ท้ายที่สุดนายกรัฐมนตรีจะอยู่ได้ ก็เพราะ ส.ส. และ ส.ว.เป็นเพียงผู้พายเรือมา แต่ไม่สามารถอยู่ประคับประคองให้ได้ หากมีปัญหาแล้วจะเปลี่ยนมานั่งเรือของ ส.ว.ไม่ได้ ส.ว.เป็นผู้พายเรือมาส่งทอดให้นายกรัฐมนตรีไปยังเรือของ ส.ส. สุดท้ายหากมีพวกเป็น ส.ส.ไม่มากพอก็ไม่สามารถอยู่ได้ แล้วใครจะอยากอยู่ในสภาพนั้นล่ะ”
นายอนุทินกล่าวอีกว่า ยืนยันว่าตนไม่เคยกังวลตรงนั้น หากรวบรวมเสียงสนับสนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของ ส.ส. ก็มองว่าจะตั้งรัฐบาลยาก ลำบากแน่นอน จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ตนไม่อยากคิดไปถึงตรงนั้น ขอคิดเพียงแค่ในส่วนที่ตนรับผิดชอบวันนี้ก่อน คือพยายามให้ ส.ส.เข้าสภาให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ หลังวันที่ 3 เม.ย.เป็นต้นไปถึงวันที่ 14 พ.ค. ตนจะลงพื้นที่ต่างจังหวัดตลอด ซึ่งจะต้องหาวิธีว่าจะสามารถลาราชการ โดยจะต้องไปดูว่าสามารถลายาวได้หรือไม่ หรือมีกฎระเบียบอะไร อย่างไร และหากงานที่กระทรวงมีการประสานมา ก็ต้องหาวิธีการใช้การสื่อสารทั้งการใช้มือถือ และออนไลน์ต่างๆ ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียง 1 คน และจะลงรับสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ด้วย