ส่องเกณฑ์หาเสียงยุค5จี กกต.เปิดช่อง-ป้องอวตาร
เหลืออีกเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้นจะได้ทราบกันแล้วว่าเหล่าบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และพรรคการเมืองที่อาสามาลงสนามแข่งขันการเลือกตั้งในปี 2566 จะได้หมายเลขหรือเบอร์ใดมาใช้ในการหาเสียงเพื่อขอคะแนนจากพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกประกาศกำหนดให้มีการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 3-7 เมษายน ขณะที่สมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 4-7 เมษายน
แน่นอนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นตัวชี้ชะตาอนาคตของประเทศไทยว่าจะเดินไปในทิศทางใด เพราะ 4 ปี จะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ประชาชนสามารถใช้สิทธิของตัวเอง เข้าคูหาจรดปลายปากกาเลือกคนที่รักและพรรคที่ชอบเพื่อเป็นตัวแทนเข้าไปบริหารประเทศ
ด้วยเหตุนี้ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และพรรคการเมือง ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ต่างงัดกลยุทธ์ นโยบาย และแคมเปญต่างๆ ออกมาโชว์และสู้กันอย่างเต็มที่ เพื่อหวังเรียกคะแนนและกวาดเก้าอี้ ส.ส.ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ให้มากที่สุด
ฉะนั้น นอกจากโปรไฟล์ตัวผู้สมัครและกระแสความนิยมของพรรคการเมือง แม้กระทั่งการติดป้าย การลงพื้นที่เดินเคาะประตูตามบ้านเรือนประชาชน การเปิดเวทีปราศรัยโชว์ตัวผู้สมัคร การแสดงวิสัยทัศน์และเปิดนโยบายแล้ว อีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน นั่นคือ การหาเสียงผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของคนในยุค 5จี นี้ เสพข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผ่านสื่อโซเชียลกันมาก ทาง กกต.จึงได้ออกระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและเข้ายุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
ระเบียบดังกล่าวได้กำหนดวิธีการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้
ผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใด สามารถใช้วิธีการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยตนเอง หรือมอบหรือว่าจ้างบุคคลดำเนินการแทนด้วยวิธีการทางเว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย, ยูทูบ, แอพพลิเคชั่น, อีเมล์, เอสเอ็มเอส, สื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ไลน์, เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, อินสตาแกรม, ติ๊กต็อก เป็นต้น
โดยผู้สมัคร พรรคการเมืองหรือผู้ใด สามารถระบุชื่อ รูปถ่าย หมายเลขประจำตัวผู้สมัคร ชื่อและสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง นโยบาย คติพจน์ คำขวัญ ข้อมูลประวัติเฉพาะที่เกี่ยวกับตัวผู้สมัครหรือพรรคการเมือง พร้อมระบุ ชื่อสกุล ที่อยู่ของผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต จำนวน และวัน เดือน ปี ที่ผลิตไว้บริเวณที่เห็นชัดเจน
ขณะเดียวกัน ผู้สมัครต้องแจ้งวิธีการ รายละเอียด ช่องทางระยะเวลาในการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องตามแบบที่กำหนด ให้ทางผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบตั้งแต่วันรับสมัครเลือกตั้งเป็นต้นไป หรือก่อนดำเนินการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นผู้สมัครหรือสมาชิกพรรคการเมืองที่ประสงค์จะหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด แสดงชื่อและชื่อสกุล หรือชื่อนิติบุคคลหรืออาจแสดงชื่อย่อ สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายใดที่สามารถระบุเจาะจงตัวบุคคลที่ดำเนินการได้ สื่อที่ผลิตขึ้น ต้องระบุชื่อและชื่อสกุลของผู้จัดทำ
ส่วนบุคคลที่ไม่ได้เป็นผู้สมัครและไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ใช้จ่ายการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีรายการค่าใช้จ่ายอย่างใดอย่างหนึ่งเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้ ให้ผู้นั้นแจ้งค่าใช้จ่ายดังกล่าวต่อผู้สมัครหรือพรรคการเมืองทราบ และให้ผู้สมัครแจ้งให้ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบ ส่วนพรรคการเมืองแจ้งเลขาธิการ กกต.ทราบ
กรณีที่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดยินยอมหรือไม่คัดค้านการใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ของบุคคลที่ไม่ได้เป็นผู้สมัครและไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ให้นับรวมรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองนั้นด้วย
สำหรับการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ หากพบว่าผู้สมัครหรือพรรคการเมืองหรือผู้ใดใช้ช่องทางออนไลน์หรือทางโซเชียลไปหาเสียงอย่างไม่ถูกต้อง กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการนำสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียง ใช้นักแสดง นักร้อง พิธีกร มาเอื้อประโยชน์หาเสียงเลือกตั้งให้กับตนเอง รวมทั้งมีการใช้ถ้อยคำรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย หรือปลุกระดม ทางคณะกรรมการสามารถสั่งให้แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือลบข้อมูลและให้เลขาธิการแจ้งคำสั่งให้ผู้สมัครพรรคการเมืองหรือผู้ใดที่กระทำการไม่เป็นไปตามระเบียบเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งโดยเร็ว
หากไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลภายในเวลาที่กำหนดให้เลขาธิการ กกต. แจ้งหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ตพิจารณาดำเนินการ หากมีค่าใช้จ่ายให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองนั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบด้วย
ทว่า การแก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูล ไม่สามารถลบล้างความผิดได้ถ้าทำผิดสำเร็จแล้ว สามารถนำมาเป็นเหตุให้คณะกรรมการสืบสวนหรือไต่สวนวินิจฉัยชี้ขาดได้
ทั้งนี้ การหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข กำหนดบทลงโทษสูงสุด คือ จําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. อธิบายไว้ในเวทีกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นารทั่วไป 2566 ว่า การหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถกระทำได้ ไม่ว่าจะเป็นทางไลน์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม แต่ถ้ามีค่าใช้จ่ายต้องนำมาคิดรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะยูทูบ และต้องมาแจ้งให้ทาง กกต.หรือเลขาธิการ กกต.ทราบด้วยว่าจะใช้ช่องทางใด หน้าเพจเป็นอย่างไร เพื่อที่ กกต.จะได้ติดตามและควบคุม เนื่องจากช่วงการเลือกตั้งจะมี “อวตาร” เป็นจำนวนมาก อาจจะมาใส่ร้ายป้ายสีให้เกิดความเสียหายได้ ดังนั้น เมื่อแจ้ง ทาง กกต.จะได้คอยควบคุมดูแลและตรวจสอบได้
ถ้ามีบุคคลอื่นหรือแฟนคลับ มาช่วยหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถทำได้ แต่ถ้ามีค่าใช้จ่ายเกิน 5,000 บาท ต้องแจ้งให้ผู้สมัครทราบ ถ้ามีแฟนคลับมาช่วยหาเสียงแล้วพบว่าไม่ใช่แนวทางที่ต้องการ ต้องรีบแจ้งให้ระงับ ถ้าไม่หยุดก็ต้องดำเนินคดี เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องระวัง หากแฟนคลับเขาทำให้แล้ว ทางผู้สมัครหรือพรรคการเมืองชอบ มีค่าใช้จ่ายเกิน 5,000 บาท ก็ต้องแจ้งและรวบรวมเป็นค่าใช้จ่าย
“สำหรับการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น ทาง กกต.จังหวัดและ กกต.ส่วนกลางจะมีวอร์รูมคอยตรวจสอบ ดำเนินการเท่าที่จะทำได้ ถ้าหาเสียงไม่ถูกต้อง กกต.สามารถสั่งแก้ไข ให้ลบหรือเปลี่ยนได้ แต่ถ้าผู้สมัคร ส.ส.หรือพรรคการเมือง ไม่แก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือลบ กกต.จะแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ และมาคิดค่าใช้จ่ายภายหลัง” รองเลขาธิการ กกต.ย้ำอีกครั้ง
หลังรับสมัครเลือกตั้งแล้ว การหาเสียงทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ จะมีสีสันและดุเดือดแค่ไหน ผู้สมัครคนใด และพรรคไหนจะได้ใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือจะเปิดช่องถูกใส่ร้าย-โจมตี จากคู่แข่ง…“กกต.” ต้องเตรียมรับมือให้ดี
