‘นพ.พรหมินทร์’ ลั่น ‘เพื่อไทย’ พร้อมพลิกรัฐอุปสรรคเป็นรัฐสนับสนุน แก้ ศก.บนความโปร่งใส!

‘นพ.พรหมินทร์’ ชี้ ‘เพื่อไทย’ พร้อมพลิกรัฐอุปสรรคเป็นรัฐสนับสนุน แก้ ศก.บนความโปร่งใส!

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานประชุมสามัญประจำปี 2566 โดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจและประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคเพื่อไทย กล่าวเสวนาเรื่องวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทย นั้น

นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยชูหลักคิด รัฐถือเป็นผู้ถือหุ้นของผู้ประกอบการทั้งหมดของภาคเอกชน เพราะรัฐเก็บภาษี 20% ของกำไรในภาคเอกชน ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์ได้ส่วนแบ่งผลกำไรคือผู้ถือหุ้น ดังนั้น ผู้ถือหุ้นสำคัญจะต้องมีบทบาทมีส่วนได้ส่วนเสียและต้องทำงานให้กับภาคเอกชน

ในการนำเสนอนโยบายพรรคตระหนักถึงกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเครื่องจักรสำคัญคือภาคธุรกิจ ภาคประกอบการ และภาคอุตสาหกรรม

Advertisement

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญและเชื่อว่าเป็นอุปสรรคมาโดยตลอดก็คือภาครัฐที่เป็นอุปสรรค ในฐานะพรรคเพื่อไทยจะพลิกบทบาทจากรัฐอุปสรรคมาเป็นรัฐสนับสนุน และขับเคลื่อนทุกกลไก เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตไปพร้อมกันและมีประสิทธิภาพ

นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า หลักที่ 1.เมื่อรัฐเป็นหุ้นส่วนต้องร่วมในการกำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศ สอดคล้องกับการทำงานของภาคเอกชน โดยมีการพิจารณาว่าเครื่องยนต์มดเป็นจุดแข็ง จุดอ่อน เครื่องยนต์ตัวใหม่ และเก่าที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน โดยหน้าที่สำคัญของผู้ถือหุ้น 20% จะต้องรวมกัน ซึ่งไม่ได้พูดลอยๆ แต่มีกลไกที่สำคัญที่สามารถทำงานร่วมกันได้

เช่น มีการทำงานของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ซึ่งพรรคได้ยินคำบ่น เพราะแม้มี กรอ.ระดับจังหวัด แต่มีบทบาทน้อยกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ขณะที่ผู้ว่าราชการมารับตำแหน่งแต่อยู่ได้ไม่นานและก็ออกจากตำแหน่งไป หรือทำงานเอาใจแต่คนใจส่วนกลาง

Advertisement

ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะแก้ปัญหาโดยกำหนดดัชนีชี้วัดควาสำเร็จ (KPI) ของผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องพัฒนาเศรษฐกิจภายในจังหวัด โดยวิธีต้องเจรจากับประธานภาคเอกชน ประธานหอการค้า ประธานอุตสาหกรรมประจำจังหวัด เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำงานร่วมกัน

2.การรู้จักภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย รวมถึงกลไกต่างๆ ลงมา สิ่งที่จะทำและแน่นอนที่สุดที่รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้ทำ อีกทั้งยังทำให้เศรษฐกิจไทยบกพร่องจนทำให้เกิดปัญหา คือการเจรจากับต่างประเทศ การหาตลาดและการลงทุน

จุดยืนก็คือการที่พรรคจะทำ โดยจะเป็นผู้ที่ผลักดันให้เกิดสันติภาพและเกิดความมั่งคั่งไปพร้อมกันบนเวทีต่างประเทศ ซึ่งจะใช้วิธีการทางการทูต จากที่ประเทศไทยมีมิตรภาพและมีมิตรไมตรีที่ดีกับประเทศต่างๆ ซึ่งจะใช้โอกาสนี้เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

เช่น ขณะนี้ในฝั่งประเทศยุโรปหรือยูเครนมีปัญหา สินค้าออเดอร์ล้นอยู่ที่ประเทศเยอรมนี และไม่สามารถนำส่งสินค้าออกมาได้ เพราะต้องผ่านประเทศรัสเซียที่มีปัญหาขัดแย้งกับประเทศยูเครน แต่เมื่อไทยเป็นมิตรกับหลายประเทศจึงจะใช้โอกาสนี้ เพื่อเข้าไปสวมและช่วยแทนให้เกิดการบินผ่านได้ ดังนั้น การเจรจาการค้าที่เข้าเศรษฐกิจ เชื่อว่าตัวนี้จะเป็นตัวผลักดันที่สำคัญ

3.การสนับสนุนการผลิตต่างๆ เพราะผู้ผลิตมีความสามารถ โดยด้านการลงทุนในเรื่องการเงินของผู้ประกอบการใหญ่ๆ มีความชำนาญ แต่ในด้านพลังงาน ต้นทุนพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ โดยเร่งจะปรับโครงสร้าง และรู้ว่าจะปรับอย่างไร ซึ่งจะหาแหล่งพลังงานมาจากที่ใด

และแน่นอนที่สุดการเพิ่มผลิตภาพก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจะใช้กลไกภาษีมาช่วยลงทุนในการส่งเสริมการปรับปรุงผลิตภาพ ไม่ว่าจะปรับปรุงเรื่องการลงทุนใหม่ หรือการฝึกฝนเพิ่มทักษะ ลดภาระในด้านคมนาคม (การขนส่ง) ซึ่งเป็นต้นทุนหนึ่งที่จะต้องมีการปรับเพราะเป็นจุดอ่อนในเรื่องของต้นทุน

เช่น จังหวัดหนองคายถือเป็นประตูมังกรและจะเปิดประตูมังกรทำให้การจราจาการค้าระหว่าง 3 ประเทศ สะดวกเปิดทางขยายทางให้การขนส่งสะดวกขึ้น ด้านสนามบิน การส่งทางเรือ ให้เกิดการเจรจาและขจัดอุปสรรคให้ลดน้อยลง

นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ที่สำคัญอุปสรรคต่างๆ ทางด้านกฎหมาย จะมีการแก้ไขกฎหมาย หากมีการแก้อุปสรรคทางกฎหมายที่ไม่ทันจะมีการนำเสนอเขตธุรกิจใหม่ที่จะนำเอาการลงทุนต่างๆ เข้ามาให้สะดวกขึ้น ซึ่งวันสต๊อปเซอร์วิสจะต้องเกิดขึ้น

สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ต้องมีเทคโนโลยี พรรคคิดว่ารัฐบาลที่เป็นดิจิทัลโกเวอร์เมนต์ จะต้องปรับทุกอย่าง เช่น การขอใบอนุญาต แทนที่ต้องเดินทางไปในหลายๆ หน่วยงาน หลายๆ จุด หลายๆ ใต้โต๊ะ ต้องปรับขึ้นมาให้อยู่บนความโปร่งใสด้วยศักยภาพที่พร้อมจะผลักดันให้ธุรกิจดำเนินต่อได้

ขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) นอกจากจะขจัดอุปสรรคและกฎหมาย เรื่องสำคัญคือแหล่งทุนที่สำคัญจากของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่มีอยู่ อีกทั้งมีแหล่งทุนสำคัญๆ จะใช้ข้อมูลเงินทุนจะผลักดันให้ใช้ data driven funding ข้อมูลที่เป็นหลักฐานจากการใช้จ่ายผ่านออนไลน์ จะผลักดันเรื่องนี้เพื่อเปิดโอกาสให้มีระบบคลาวด์ฟันดิ้ง ขณะนี้มี 6 สถาบันที่ได้ไลเซนส์แล้วการเติบโตต่างๆ ของผู้ประกอบการจะดำเนินการต่อเนื่องได้

อีกประการ การนำเอาสตาร์ตอัพ เอาเทคโนโลยี มาผสานกับผู้ประกอบการที่มีความคุ้นเคยกับตลาด และประการสุดท้ายไทยต้องเท่าทันตลาดโลก เพราะอนาคตเรื่องของสิ่งแวดล้อมจะเกิดขึ้น ขณะนี้มีเรื่องมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) จะร่วมกันทำทันทีเพื่อประโยชน์ของประเทศไทย

“ทั้งหมดนี้ เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยสามารถทำความฝันนี้สำเร็จและเกิดขึ้นจริงได้” นพ.พรหมินทร์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image