ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
ทุกพรรคอยู่ในห้วงสาละวนจัดทัพตัวบุคคล โดยเฉพาะการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขต 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน
ตลอดจนรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามที่กฎหมายระบุไว้ให้ส่งได้ 3 รายชื่อ ให้พร้อมมากที่สุดกับการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้
ตามไทม์ไลน์ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดไว้ คือ ระหว่างวันที่ 3-7 เมษายน เป็นวันรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ตามสถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งประกาศกำหนด ส่วนวันที่ 4-7 เมษายน 2566 เป็นวันรับสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และพรรคการเมืองแจ้งรายชื่อบุคคลที่จะแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร แขวงดินแดง เขตดินแดง
ใครจะเป็นตัวจริง หรือเป็นแค่ตัวสำรอง ของแต่ละพรรคจะได้เปิดหน้า รู้ชื่อกันในวันสมัครรับเลือกตั้ง
ปัจจัยที่จะเป็น “จุดแข็ง” และ “จุดขาย” ชี้ขาดผลแพ้-ชนะคงหนีไม่พ้นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. นโยบาย รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ และจุดยืนในทางการเมือง ที่แต่ละพรรคหวังใช้เรียกคะแนนนิยมต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ส่วนโฉมหน้าของรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ที่จะเกิดขึ้น คงไม่มีกูรูการเมืองคนใด ฟันธงได้ตรงแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ นอกเสียจากต้องดูคณิตศาสตร์ทางการเมือง ผ่านผลการเลือกตั้งจะเป็นคำตอบที่ตรงและชัดเจนที่สุดว่าใครและพรรคไหนจะอยู่ในสถานะใด
แต่การพูดคุยเพื่อประเมินผลการเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะเลยไปถึงการจับขั้วทางการเมือง ออกมาเป็นสูตรจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคนั้น พรรคนี้ ก่อนวันกาบัตร ย่อมเป็นสิทธิและวิสัยที่สามารถพูดคุยกันได้ ไม่ได้มีข้อห้ามอะไรในเชิงข้อกฎหมาย
แต่ตามหลักสากลที่การเมืองในระบอบประชาธิปไตย จะต้องยึดหลัก คือ เคารพเสียงข้างมาก แต่ไม่ละเลยเสียงข้างน้อย ในการรวมเสียง ส.ส.เพื่อจัดตั้งรัฐบาล
ตามที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุว่า กติกาสากลทราบกันอยู่แล้ว ใครได้คะแนนสูงสุดก็ได้สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นแนวทางตามระบอบประชาธิปไตย หากจะตั้งไม่สำเร็จก็ต้องเป็นพรรคในลำดับต่อไปเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลแทน
แต่สุดท้ายก็จะมาตกอยู่ที่ว่าใครจะได้คะแนนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด ขออย่าไปกลัวรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะเกิดยาก
เพราะการไปดึงดันฝืนเดินหน้าสูตรจัดตั้งรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีมาจากเสียงข้างน้อยนั้น หัวหน้าพรรค ภท. บอกว่า “นั่นมันตายทั้งเป็น คงไม่มีใครกล้า สุดท้ายหากมี ส.ส. สนับสนุนไม่มากพอ รัฐบาลก็ไม่สามารถอยู่ได้ แล้วใครจะอยากอยู่ในสภาพนั้น”
โฉมหน้ารัฐบาลใหม่ผ่านวงพูดคุย วิเคราะห์ เป็นเรื่องที่คิดฝันกันได้ ไม่มีถูกผิด เพราะของจริง คือ ฉันทามติของประชาชน ที่จะสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง
หากเคารพมติของประชาชน ไม่ดึงดัน ฝืนกระแส รัฐบาลใหม่ ย่อมเดินหน้าต่อได้ ไม่ต้องอยู่ในสภาพภาวะเสี่ยงว่าจะ “ล้ม” ในวันใดวันหนึ่ง
จตุรงค์ ปทุมานนท์