วันมูหะมัดนอร์ มะทา งัดกลยุทธ์ ‘สมอลล์ ปาร์ตี้’ สู้เลือกตั้ง

วันมูหะมัดนอร์ มะทา งัดกลยุทธ์‘สมอลล์ ปาร์ตี้’สู้เลือกตั้ง
วันมูหะมัดนอร์ มะทา

หมายเหตุ – นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืน ทิศทาง และแนวนโยบายของพรรคในการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้

⦁มีความมั่นใจอย่างไร สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังมาถึง

หลังการเลือกตั้งปี’62 พรรค ปช.เข้าสภา ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน แม้จะมีเพียง 7 เสียง จาก ส.ส. 6 เขต และ 1 ปาร์ตี้ลิสต์ แต่ได้ทำงานในสภาอย่างเต็มที่ ทำหน้าที่อภิปราย เสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ สามารถบังคับใช้หลายฉบับ ช่วยเหลือประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม มีผลงานในสภาเป็นที่ประจักษ์สำหรับคนในพื้นที่ที่มี ส.ส. และสร้างผลงานให้คนทั้งประเทศเห็นด้วยว่า แม้จะมี ส.ส.ไม่กี่คน แต่สามารถสร้างผลงานได้ งานนอกสภา ส.ส.ทั้ง 7 คนก็ทำงานเต็มที่ ภัยพิบัติ ความเดือดร้อนของประชาชน ความไม่เป็นธรรมส.ส.ทั้งหมดได้ลงพื้นที่พร้อมกลับมานำเสนอรัฐบาลทั้งกระทู้สด ญัตติในสภาหลายเรื่อง ทำให้พรรค ปช.มีความพร้อมตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ยิ่งตั้งแต่ก่อนจะประกาศยุบสภา พรรค ปช.ได้ลงพื้นที่ พร้อมคัดเลือกผู้สมัครใหม่เข้ามาเพิ่มเติม โดยเมื่อ 6 เดือนที่แล้วได้ผู้สมัครเต็มพื้นที่ตั้งนานแล้วใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่ใกล้เคียง

มั่นใจว่าการเลือกตั้งคราวนี้ พรรค ปช.จะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม คือ 2 เท่าขึ้นไป น่าจะได้ ส.ส.เขตอย่างน้อย 12-14 คน ส่วน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์คราวนี้ใช้บัตร 2 ใบ ประกอบกับกระแสพรรค ปช.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีมากกว่าปี’62 ประมาณ 2 เท่าจากผลโพลของนิด้าและ ม.สงขลานครินทร์ ชี้ชัดว่ากระแสพรรคและตัวบุคคล พรรค ปช.นำพรรคอื่น มั่นใจว่าปาร์ตี้ลิสต์จะได้ 1.2-1.5 ล้านทั่วประเทศ ทำให้พรรค ปช.จะได้ปาร์ตี้ลิสต์ 5 คน โดยพรรค ปช.มีแฟนคลับที่เห็นผลงาน และพี่น้องมุสลิมจากทั่วประเทศ แม้จะไม่ส่งเขตแต่สามารถเลือกปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรค ปช.ได้ โดยจะส่งปาร์ตี้ลิสต์ 68 คน แต่ละคนจะสามารถช่วยเราหาเสียงในแต่ละจังหวัดให้พรรค ปช.ได้อย่างเป็นระบบ

Advertisement

⦁จุดเด่นจุดแข็งของพรรค ปช.ในฐานะพรรคขนาดเล็กในการเลือกตั้งครั้งนี้

พรรค ปช.ชูจุดเด่นทำกิจกรรมการเมืองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นพรรคของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน ที่มาจากหลากหลายวัฒนธรรม หลากหลายชาติพันธุ์ มีเป้าหมายส่งเสริมประชาธิปไตย ทำงานในฐานะที่เป็นพลเมืองของชาติ ที่มีหลายชาติพันธุ์ หลายศาสนา และอาจหลายความคิด แต่ทำงานเพื่อประชาธิปไตยตามระบอบการปกครองของประเทศไทย รัฐธรรมนูญที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

พรรค ปช.เชื่อว่าประโยชน์สูงสุดของประชาชนกับความมั่นคงของประเทศเป็นสิ่งเดียวกัน ที่พรรค ปช.กำลังแก้ปัญหาเพราะบางครั้งฝ่ายความมั่นคง ทำแบบไม่ยึดประโยชน์และความสุขของประชาชน เราอยากได้ทั้งความมั่นคง ความสุขและประโยชน์ของประชาชน เรื่องนี้เป็นปัญหาเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บางครั้งความมั่นคงขัดแย้งต่อความรู้สึก

Advertisement

พรรค ปช.เชื่อว่าความไม่เป็นธรรม การกดขี่ ความเหลื่อมล้ำ การทำทุจริต เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในประเทศ อยู่ดีๆ จะบอกให้เลิกขัดแย้งทั้งที่ยังไม่แก้สาเหตุคงทำไม่ได้ พรรค ปช.เห็นปัญหาต้องไปแก้ตรงไหน

พรรค ปช.ไม่ใช่พรรคคนมุสลิม ตั้งขึ้นมาเพราะเห็นความหลากหลายชาติพันธุ์ ศาสนา จารีตประเพณี หรือความคิดนั้น เป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ที่สามารถแลกเปลี่ยนอย่างสันติได้ แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน มุ่งหวังไม่อยากให้ศาสนาใด ชาติพันธุ์ใดครอบงำความคิดของชาติพันธุ์อื่นๆ แต่จะทำอย่างไรให้ทุกคนอยู่อย่างกลมกลืนกัน เราเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีศักยภาพโดยต้องให้การศึกษาที่ดี เชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ดีโดยเฉพาะรัฐบาล กระจายอำนาจ ปฏิรูปทางการเมืองเป็นสิ่งที่ดี พรรค ปช.ทำตามบัญญัติ 9 ข้อที่เป็นอุดมการณ์ของพรรค

⦁พรรค ปช.ส่งผู้สมัครชิง ส.ส.แค่ 19 เขตภาคใต้จากทั่วประเทศ

พรรค ปช.เป็นพรรคที่เพิ่งตั้งใหม่แค่ 5 ปี เปรียบเป็นเด็กเพิ่งเดินได้ ยังพูดไม่ชัดเลย เรียนอนุบาล การจะรีบส่งไปเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัยคงเป็นไปได้ยาก จึงคิดว่าค่อยๆ โตอย่างมั่นคงเพื่อเป็นสถาบันทางการเมือง ค่อยๆ ก้าวไปถึง แม้ทีแรกคิดว่าจะส่ง 25 เขต แต่เมื่อคัดไปจึงเหลือจุดเด่นที่คิดว่าจะได้ ส.ส.แค่ 19 เขตในพื้นที่ภาคใต้ ที่เรามุ่งหวังถึง 14-15 เขต และเลือกตั้งคราวนี้ใช้ระบบบัตร 2 ใบ เราหวังจะให้ได้สัก 21 คน เพื่อเสนอกฎหมายได้โดยไม่ต้องอาศัยพรรคอื่นเซ็นชื่อ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพรรค ปช.ได้ผลักดันกฎหมาย กยศ. เป็นการขจัดความเหลื่อมล้ำการศึกษาที่สำคัญ และกฎหมายห้ามซ้อมทรมาน เราเห็นด้วยในการเรียกไปสอบสวน แต่บางครั้งก็ทำนอกกฎหมาย จึงผลักดันกฎหมายนี้ ยกตัวอย่างเช่น กรณีสารวัตรโจ้ โดยกฎหมายมีผลประกาศใช้เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมที่ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาซ้อนกฎหมาย ไม่ให้บังคับใช้และขยายเวลาการบังคับไปอีก 8 เดือน ทำให้ต้องส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความ ดังนั้น การเลือกตั้งคราวนี้หากเปลี่ยนแปลงรัฐบาล พรรค ปช.จะไปเสนอให้ยกเลิก พ.ร.ก.ดังกล่าว

⦁19 เขตในพื้นที่ภาคใต้มองพรรคใดเป็นคู่แข่งสำคัญ

พรรคใหญ่ๆ ที่สำคัญ เจ้าถิ่นเดิมพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มองแล้วน่าจะเป็นพรรค ภท.เป็นคู่ต่อสู้ที่สำคัญ แต่จากการทำโพลสำรวจของพรรค ปช. และโพลอื่นๆ คะแนนของพรรคค่อนข้างจะนำคู่แข่งอย่างมาก ดังนั้นคิดว่า ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะได้มากกว่า 10 คน พื้นที่อื่นน่าจะได้อีก 3-4 คน และปาร์ตี้ลิสต์น่าจะได้4-5 คน ทำไมถึงส่งน้อยเพราะเราต้องการโตอย่างมั่นคง ค่อยๆ ขยับ ถ้าเลือกตั้งครั้งนี้ได้ 15 คน การเลือกตั้งอีก 4 ปี ครั้งหน้าตัวเลข 30-40 คน คงไม่ยาก เพราะมีเวลาทำงานอีก 4 ปี จากพรรคขนาดเล็กก้าวไปสู่พรรคระดับกลาง แต่จะกลายเป็นพรรคขนาดใหญ่ในอนาคตหรือไม่คงอยู่ที่ผลงาน

⦁ประเด็นที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต พรรค ปช. 4 คน ถูก กกต.จังหวัดตัดสิทธิการสมัคร จากเหตุขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม จะแก้ปัญหาอย่างไร

เป็นความเข้าใจผิดของ กกต. พรรค ปช.ได้ชี้แจงและอุทธรณ์ไปแล้ว รวมทั้งได้ยื่นไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เข้าใจว่าน่าจะได้สิทธิคืนมา ประเด็นที่ กกต.ตั้งข้อหาอ้างว่าผู้แทนพรรคประจำจังหวัดหมดวาระก่อนที่จะมีการสรรหาตัวผู้สมัครเพื่อทำไพรมารีโหวตนั้น ข้อเท็จจริงทางพรรคได้ทำหนังสือไปสอบถาม กกต.แล้วว่า ผู้แทนพรรคประจำจังหวัดที่หมดวาระนั้น พรรคมีมติให้ปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน จนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานและคณะกรรมการประจำจังหวัดใหม่ได้หรือไม่ ซึ่งข้อบังคับของพรรค ปช.ระบุไว้ชัดเจน แต่ กกต.อาจจะไม่ได้ดูตรงนี้ว่า พรรค ปช.ได้ทำหนังสือไปตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2566 ทั้ง 2 เขตและเขตอื่นด้วยว่าผู้แทนพรรคประจำจังหวัดที่หมดวาระได้มีการหารือแล้วว่าจะให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

ต่อมาในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ทาง กกต. โดยเลขาธิการ กกต.ได้ตอบมาว่า รับทราบตามที่พรรค ปช.แจ้งไป คือผู้แทนพรรคประจำจังหวัดหมดวาระให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพื่อความเข้าใจด้วยข้อกฎหมายและด้วยความสุจริตใจ ว่าการรักษาการแทนผู้แทนจังหวัดใน 2 จังหวัดนั้นมีผลสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้พรรค ปช.ต้องสู้ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งต่อไป เข้าใจว่าข้อกฎหมาย ข้อคำสั่ง และข้อบังคับของพรรค และกฎหมายของ กกต.มีความชัดเจน เปิดโอกาสให้มีการร้องศาลฎีกา ขณะนี้ ผู้สมัครของพรรค ปช.ได้ไปยื่นเรื่องแล้ว ดังนั้น ทุกคนน่าจะได้สิทธิคืนมา เพราะเราไม่ได้ปฏิบัติอะไรผิด

⦁จุดยืนของพรรค ปช.คืออะไร หลังเลือกตั้งมีเงื่อนไขจะรวมกับใครหรือไม่

เงื่อนไขมีแน่นอน พรรค ปช.สนับสนุนประชาธิปไตย ต่อต้านรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ตั้งแต่ต้นไม่ต้องการให้มีการครอบงำหรือสืบทอดอำนาจของผู้ที่ไม่สนับสนุนประชาธิปไตย ฉะนั้นจะสนับสนุนพรรคที่มาจากประชาธิปไตย พรรค ปช.เป็นพรรคเล็กคงจะเลือกไม่ได้ แต่มีสิทธิเลือกว่าจะไปร่วมกับพรรคที่จะตั้งรัฐบาลในซีกไหน

⦁ประเมินการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างไร

การเลือกตั้งคราวนี้จะเป็นการพัฒนาอย่างมากประชาชนจะได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง หากประชาชนเลือกถูก หลายพรรคเสนอนโยบายอย่างเป็นระบบว่าประชาชนจะได้รับอะไร สมัยก่อนไม่ค่อยพูดเลยว่าเมื่อเป็นรัฐบาลประชาชนจะได้อะไร ผมฝันว่าบ้านเมืองจะมีความก้าวหน้ามากกว่าการเมืองที่ผ่านมา 8 ปี ที่ไม่ก้าวหน้าแถมถอยหลัง ดังนั้น คิดว่าหลังการเลือกตั้งครั้งนี้จะได้รัฐบาลที่ประชาชนต้องการ รัฐบาลใหม่ต้องทำให้บ้านเมืองดีขึ้น เพราะแต่ละนโยบายที่ใช้หาเสียงเป็นสัญญาประชาคมเพื่อประโยชน์ของประชาชน

สิ่งที่เป็นห่วงคือ เรื่องซื้อเสียง ขายเสียง การใช้อิทธิพลอำนาจรัฐมาบีบประชาชนให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม อยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้อำนาจหน้าที่ตรงนี้ให้เต็มที่ หากการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม จะได้คนไม่ดีเข้ามา รัฐบาลไม่ดีประเทศชาติเสียหาย ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ของ กกต.ต้องใช้อำนาจทางกฎหมายให้จริงจัง

นักการเมืองแต่ละคนล้วนอยากชนะ แต่ประชาชนควรระลึกว่า 4 ปีมีการเลือกตั้งครั้งหนึ่ง เห็นผลว่ารัฐบาลทำอะไรที่ไม่ดี หรือรัฐบาลทำอะไรบ้างที่ดีบ้างจึงควรใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดในคูหาเลือกตั้งด้วยสิทธิของตนเอง อามิสสินจ้างได้มาไม่คุ้มที่บ้านเมืองเสียหาย ครอบครัวเสียหาย อย่าไปกลัวการตกอยู่ใต้อิทธิพลผู้มีอำนาจท้องถิ่น หรือระดับชาติบีบบังคับ

⦁ห่วงหรือไม่ หากหลังเลือกตั้งได้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย แล้วต้องถูกปฏิวัติเช่นในอดีตที่ผ่านมา

ประเทศไทยเสียหายตรงจุดนี้ เรายังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บ้านเมืองไม่ได้ดีขึ้น ใครพูดได้บ้างว่าการปฏิวัติแล้วบ้านเมืองดีขึ้นบ้าง เพียงแต่ตอนทำบอกว่าจะเข้ามาแก้สถานการณ์ แต่การแก้สถานการณ์ไม่ว่าจะเรื่องใดมีวิธีการแก้ของตัวเองอยู่แล้ว กฎหมายมี ใช้อำนาจให้ถูกต้อง เพียงแต่ผู้มีอำนาจอยากมีอำนาจขึ้นไปอีก ไม่ไปแก้แต่กลับไปสร้างสถานการณ์เพื่อปฏิวัติ ดังนั้น ไม่ควรจะทำร้ายประเทศด้วยวิธีการเหล่านี้ สงสารประเทศไทยบ้าง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image