‘วราวุธ ศิลปอาชา’ ขอเป็นทางเลือกมือทำงาน

‘วราวุธ ศิลปอาชา’ ขอเป็นทางเลือกมือทำงาน

หมายเหตุนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงความพร้อมของพรรค ชทพ. ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ รวมถึงประเมินทิศทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง

⦁ ช่วงทางตรงก่อนจะเข้าสู่การเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ในฐานะหัวพรรค ชทพ. จะมีจุดยืน จุดขายใดอีกหรือไม่

วันนี้ย้ำให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกคน ตรงไหนที่มีความมั่นใจก็ขอให้ไปย้ำ ตรงไหนเป็นจุดที่กังวลอยู่ขอให้ไปเติม การลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง การไปปราศรัย การพบปะกับพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่นั้น ต้องทำอย่างต่อเนื่องจนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม ประเด็นที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่ง ต้องระวังไม่ให้มาพลาดเอาตอนจบ กติกา กฎหมายเลือกตั้ง แม้แต่การใส่เสื้อพรรคไปลงคะแนนก็เป็นเรื่องที่ห้าม กฎ กติกา ทั้งหลาย วันนี้มีคนเฝ้ารอจับผิดอยู่มากมาย กระแสโซเชียลเป็นอะไรที่ต้องระวัง

Advertisement

ในส่วนของการทำงาน พรรค ชทพ.ยังมั่นใจว่าวันนี้จะเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่สำหรับทุกๆ ช่วงวัย ทุกๆ เจเนอเรชั่น หมายความว่า การเป็นคนรุ่นใหม่นั้นไม่ได้วัดกันที่อายุ คุณจะอายุ 60 หรือ 70 ปี ไม่ได้ตัดสินกันว่าคุณเป็นคุณรุ่นใหญ่หรือรุ่นใหม่ ในความคิดของ ชทพ. การเป็นคนรุ่นใหม่ คือการที่คุณมีความคิดที่ไม่แตกแยก ไม่สร้างศัตรู เคารพในสิทธิของผู้อื่น มีความคิดที่ทันสมัย มีความคิดที่ก้าวหน้า และอยากจะเห็นการเดินหน้าของประเทศไทยด้วยความมั่นคง ถ้าเป็นแบบนี้เราคิดว่าคุณเป็นคนรุ่นใหม่ และในทุกเจเนอเรชั่น อย่าง อ.กนก วงษ์ตระหง่าน ถึงแม้จะอายุ 70 ปีแล้ว แต่ข้อมูลแนวคิดความคิดในการที่จะช่วยเหลือเกษตรกร ไม่ได้แตกต่างอะไรจากคนอายุ 20-30 ปี ดังนั้น การเป็นคนรุ่นใหม่ไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนเจน Y หรือเจน Z เท่านั้น แต่ครอบคลุมมาจนถึงเจน X เจน Baby Boomer ดังนั้น วันนี้ ชทพ.เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่สำหรับทุกๆ เจเนอเรชั่น

ถ้าท่านใดมองเห็นการทำงานของ ชทพ.ที่ผ่านมาแล้วมีแนวความคิดที่ตรงกัน ขอเชิญมาร่วมทำงานด้วยกัน ลงคะแนนให้กับเบอร์ 18 หลังวันที่ 14 พฤษภาคม จะได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในฐานะคนรุ่นใหม่ โดยไม่จำเป็นว่าจะอายุเท่าไหร่ และยังยึดมั่นในการทำงานในนโยบายที่เป็นความยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย แม้การแก้ปัญหาระยะสั้นนั้นก็ควรต้องทำ แต่ต้องดูด้วยเช่นกันว่าปัญหาระยะยาวนั้นได้รับการแก้ปัญหาด้วยหรือไม่ ไม่ใช่แก้ปัญหาระยะสั้นแล้วไปเกิดปัญหาระยะยาว ต้องแก้ไปควบคู่พร้อมๆ กัน นี่คือพื้นฐานทางความคิดของ ชทพ. ตั้งแต่ร่างแนวนโยบายในรอบนี้ จนตกผลึกมาเป็นคำว่า “ว้าว ไทยแลนด์” (WOW Thailand) เพราะต้องการเห็นความยั่งยืน ต้องการเห็นความต่อเนื่องและความแข็งแรงของประชาชน ตั้งแต่เกษตรกรรากหญ้าจนถึงระดับผู้ประกอบการ อุตสาหกรรม ธุรกิจ ไปจนถึงระดับนานาชาติ เราต้องการเห็นความยั่งยืนของประเทศสร้างอยู่บนความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่งของประเทศไทย

⦁ ที่ยืนยันมาตลอดว่าจะไม่เน้นนโยบายลด แลก แจก แถม เพื่อไม่สร้างปัญหาระยะยาว จะทำอย่างไรให้คนเชื่อในการขับเคลื่อนของพรรค ชทพ.

Advertisement

จะตอกย้ำไปเรื่อยๆ จะบอกว่าถ้าคุณยังคิดแบบเดิม ยังมองระยะสั้นแบบเดิม ถ้าอยากจะแก้ปัญหาระยะสั้นแบบเดิมและไปตายเอาดาบหน้า บางครั้งดาบหน้ามันตายจริงๆ เช่น ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สามารถเห็นได้ในหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ที่เตือนไทยมาหลายรอบแล้ว สุดท้ายไปตายเอาดาบหน้า พอไอยูยูฟันธงออกมา ตายจริงๆ คราวนี้ก็ต้องมาแก้ไขปัญหากันเดือดร้อนกันหมด แทนที่จะค่อยๆ แก้ ค่อยๆ ปรับตัว หรือแม้แต่กรณีเกี่ยวกับเรื่องวงการกีฬา เมื่อ 1-2 ปีที่แล้ว ประเทศไทยไม่สามารถส่งนักกีฬาแข่งในรายการต่างชาติได้ ไม่สามารถติดธงชาติไทย ไม่สามารถติดคำว่า Thailand ได้เพราะทางองค์การ World Anti Doping Agency (WADA) เกี่ยวกับการใช้สารต้องห้ามในวงการกีฬา มีมาตรการออกมาให้ประเทศไทยทำตาม จนกระทั่งไปตายเอาดาบหน้า แล้วก็ตายจริงๆ ประเทศไทยไม่สามารถส่งนักกีฬาแข่งที่ไหนได้เลย องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ก็ตักเตือนประเทศไทยเรื่องความปลอดภัยทางการบิน พอบอกให้เราปรับปรุง ก็ไม่ทำอะไร แล้วก็ไปตายเอาดาบหน้า นี่แค่ช่วง 4 ปีของรัฐบาลชุดนี้ เห็นเรื่องใหญ่ๆ เกิดขึ้นในประเทศไทยกันมา 3 เรื่อง เป็นเรื่องที่ไปตายเอาดาบหน้าทั้งนั้น บางคนบอกว่าทำไมต้องปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาสั่งเราซ้ายหันขวาหัน เพราะเป็นเงื่อนไขที่ทั่วโลกทำด้วยกันหมด ประเทศไทยจะมาฉายเดี่ยวคนเดียวไม่ได้ ต้องปฏิบัติตามกติกาดังนั้น สิ่งที่ ชทพ.นำเสนอในวันนี้อาจจะยังไม่เห็นผลในวันนี้ แต่ถ้าคิดว่าจะไปตายเอาดาบหน้าช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่า 3 ตัวอย่างที่ยกตัวอย่างมา น่าจะเพียงพอสำหรับความยั่งยืนของประเทศไทย ถ้าจะรออีก 3 ปี 5 ปี ต่อจากนี้มันแก้ไม่ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมกะเทรนด์ (Mega Trends) ที่ ชทพ.กำลังทำอยู่ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคาร์บอนเครดิต การแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม เพื่อลดบรรเทาสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือโลกร้อน เป็นสิ่งที่ทุกประเทศในโลกกำลังทำอยู่ ถ้าไม่ทำไม่เป็นไร แต่ถ้าถึงเวลาขึ้นมา เขามีภาษี หรือมาตรการต่างๆ ขึ้นมาก็จะไปซ้ำรอยกับ 3 เรื่องใหญ่ที่ผมได้กล่าวมาแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เรานำเสนอในวันนี้จะดูไม่หวือหวา แต่คิดว่าจะทำให้ประเทศไทยว้าว บนเวทีโลกได้จริง

⦁ วันนี้ยังคงเป้าหมายเดิมคือ พรรค ชทพ.ได้รับเลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง

ยังยึดเป้าหมายนั้นอยู่ ท้าทายมาก ไม่มั่นใจว่าจะไปถึงจุดนั้นได้หรือไม่ แต่ว่าทุกพื้นที่มีผู้สมัคร ไม่ว่าจะในกรุงเทพมหานคร หรือในต่างจังหวัด เราเต็มที่ทั้ง ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไปให้ถึง ไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง

⦁ เงื่อนไขในการดึงพรรค ชทพ.เข้าร่วมรัฐบาล ที่สำคัญข้อแรกคือต้องทำกติกาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย

ถูกต้อง เพราะว่าการที่จะเดินหน้าได้อย่างยั่งยืน โครงสร้างหลักของประเทศ คือ รัฐธรรมนูญจะต้องรับฟังปัญหา เหมือนอย่างที่พูดว่า ชทพ.รับฟังทำจริง ก่อนที่จะไปฟัง ต้องฟังมาก่อนไม่ใช่ไปทำเลยหรือแค่ไปฟังคนแค่บางกลุ่ม จะไม่สะท้อนตัวตนความเป็นประเทศไทย ย้อนกลับไปเมื่อตอนปี 2538 ที่พรรคชาติไทยแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 211 จนเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญปี 2540 ได้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่ครอบคลุมความหลากหลายของประเทศไทยมากที่สุดในช่วงปี 2538

การตั้ง ส.ส.ร.นั้นจะใช้โมเดลปี 2538 ได้หรือไม่ ผมคิดว่าไม่น่าจะได้ เพราะว่าตั้งแต่ปี 2538 มาจนถึงวันนี้ 20 กว่าปีมาแล้ว องค์ประกอบของประเทศไทยและของโลกเปลี่ยน แนวความคิดของคนก็เปลี่ยนหลายอย่าง ทำให้วันนี้ต้องกระจายมากขึ้น ทั้งอายุ การศึกษา อาชีพ สถานะ เพศสภาพ ต้องหลากหลายและต้องสะท้อนความต้องการของคน 66 ล้านคน ให้กลายเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นี่คือหัวใจ คืออยากจะเห็นการจัดตั้ง ส.ส.ร. ให้เร็วที่สุด นั่นคือเงื่อนไขข้อสำคัญของเรา และอยากจะเห็นนโยบายที่ ชทพ.นำเสนอเพื่อความยั่งยืน ได้ไปปฏิบัติจริง

⦁ การแบ่งขั้วทางการเมืองเป็น 2 ขั้วที่ชัดเจนในขณะนี้ จุดยืนของพรรค ชทพ.คืออะไร ที่จะให้ทุกขั้วดึงไปร่วมรัฐบาล

เงื่อนไขที่กล่าวไปข้างต้น และขั้วไหนที่สามารถนำเอานโยบายของ ชทพ.ไปปรับใช้ได้เยอะที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเกษตร เรื่องความยั่งยืน หรือโครงสร้างพื้นฐานที่จะสร้างให้กับประชาชน หัวใจคือความยั่งยืน ถ้าฝั่งใดสามารถทำเอาเงื่อนไขของ ชทพ.ไปใช้ได้มากที่สุด ก็อยากจะร่วมงานกับฝ่ายนั้น เป้าหมายของ ชทพ.คือการทำงาน ไม่ได้มาหาเรื่อง อย่างที่บอกว่า มีมิตรร้อยคนก็น้อยไป มีศัตรูหนึ่งคนก็มากไป ต้องบอกว่าหัวใจของการทำงานการเมือง คือการไปแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน หลายคนบอกว่า ชทพ.จ้องจะเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ก็สงสัยไม่ได้เหมือนกันว่า เพราะทุกพรรคก็จ้องจะเป็นรัฐบาลท่าเดียว ตั้งแต่วันแรกมาจนถึงวันนี้ กี่เวทีดีเบตก็ไม่เคยเห็นว่าใครจะไปเป็นฝ่ายค้าน เพียงแต่บอกว่าจะไม่อยู่กับคนนั้น จะไม่ทำอย่างนี้ แต่เป้าหมายคือต้องเข้าไปเป็นรัฐบาล เราต้องเอานโยบายเข้าไปทำในฐานะฝ่ายบริหาร

⦁ หลายพรรคมีการประกาศจุดยืนว่าไม่จับมือกับบางคน พรรค ชทพ.มีจุดยืนอย่างไร

เมื่อถึงเวลาประชาชนจะตัดสินด้วยการลงคะแนนออกมาว่าเอาคนนั้น ไม่เอาคนนี้ เอาเรื่องงาน ไม่เอาเรื่องคน หรืออย่างไร เช้าวันที่ 15 พฤษภาคม จะเห็นแล้วว่าประชาชนมองอย่างไร อย่างที่บอกว่า การเป็นคนรุ่นใหม่ การทำงานของ ชทพ.ที่ทำงานกับคนรุ่นใหม่ ว่ากันด้วยตรรกะและเหตุผล ไม่ได้ใช้ความสะใจหรืออารมณ์ชั่ววูบเป็นที่ตั้ง ต้องมองถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติก่อนว่าการทำงานจะเป็นอย่างไร การพัฒนาประเทศจะไปในทิศทางใด

⦁ พรรค ชทพ.ยืนยันมาตลอดในการสนับสนุนรัฐบาลต้องมีเสถียรภาพด้วยเสียงข้างมาก

ต้องเป็นรัฐบาลที่ยืนได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องไปพึ่งเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ถ้าคุณเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้วไปพึ่งเสียง ส.ว. ให้เป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา ถึงเวลาโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ วาระหนึ่งก็จบแล้ว ก็ยุบสภา หลังจากที่เพิ่งเลือกตั้งกันมา
2 เดือน การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอยู่ได้ไม่ถึง 2 ไตรมาส ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดสถานการณ์เช่นนั้น ชทพ.ไม่เอาด้วยแน่นอนกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้งใช้งบประมาณเป็นหมื่นล้าน แล้วทุกองคาพยพเปลืองเวลา เปลืองเงินโดยใช่เหตุ ฉะนั้นการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยคิดว่าเป็นอะไรที่ระยะสั้นมาก หมายถึงไม่ถึงปีด้วย 3 เดือน 6 เดือน ก็ไปแล้ว

⦁ ทางออกที่ดีคือการเคารพฉันทามติของประชาชน

ถูกต้อง คือ การรวมเสียงให้ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่ต้องรวมวุฒิสภา เพราะในทางปฏิบัติวุฒิสภาไม่ได้มาโหวตกับสภาผู้แทนราษฎรในทุกเรื่อง เช่น อภิปรายไม่ไว้วางใจ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ แค่ 2 เรื่องนี้ รัฐบาลจบแล้ว ถ้าคุณเป็นนายกฯเสียงข้างน้อย
สมัยนี้กติกาไม่เหมือนสมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะทำให้ประเทศเสียหายมากกว่า

⦁ พรรค ชทพ.มีคำคมเหมือนกับพรรคอื่นที่ใช้ในการหาเสียงหรือไม่

อยากทำงานให้พัฒนาประเทศ เลือกชาติไทยพัฒนา อยากทำงานให้พัฒนาชาติ เลือกชาติไทยพัฒนา

⦁ การลงพื้นที่ในต่างจังหวัดนอกจาก จ.สุพรรณบุรี มีกลยุทธ์ใดให้ประชาชนให้มาเลือกพรรค ชทพ.

จุดแข็งของ ชทพ.คือผู้สมัครทุกคนสามารถเดินได้ทุกพื้นที่ โดยไม่ต้องมาระแวงว่าจะโดนใครต่อต้าน หรือจะโดนใครขับไล่ ประชาชนพอเห็นว่าเป็น ชทพ.ก็พร้อมที่จะรับฟังและต้อนรับด้วยรอยยิ้ม เพียงเท่านี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ดังนั้น การที่เลือกทำงานโดยที่ไม่สุดโต่งไปทางใดทางหนึ่ง ถึงได้บอกว่าเราคือพรรคของคนรุ่นใหม่ในทุกช่วงวัย เพราะว่ายังมีคนอีกมากมายที่ยังหวัง ที่จะเห็นการทำงานอย่างสร้างสรรค์ในการเมืองไทย และการไปลงพื้นที่ การตอบรับก็เจอกับตัว เพราะไม่ได้สร้างศัตรู พูดกันแต่เรื่องการทำงาน ฉะนั้น จึงเป็นแนวทางที่ทำงานกันมาตั้งแต่สมัยพรรคชาติไทยผ่านหัวหน้าพรรคหลายๆ ท่าน มาจนถึงวันนี้ก็ยังคงแนวทางการทำงานไว้อยู่

⦁ ยังยึดถือธรรมเนียมการทำงานของพรรคชาติไทยตั้งแต่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย

ถูกต้อง การทำงานการเมืองคือการแก้ไขปัญหาของประชาชน ไม่ใช่การไปสร้างปัญหาให้กับผู้อื่น แต่เป็นการไปแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ไปบอกกล่าวในสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนของประชาชนที่จะไปประสานกับหน่วยงานราชการ เพื่อแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

⦁ มองการเมืองหลังการเลือกตั้งอย่างไร หากแต่ละขั้วชนะกันไม่ขาด

ค่อนข้างจะมีความซับซ้อนเกิดขึ้น เป็นอะไรที่คาดเดาได้ยากลำบากมาก เพราะในทุกๆ การเลือกตั้ง ความปวดหัวไม่ได้จบในวันลงคะแนน ตั้งแต่วันหาเสียงจนถึงวันลงคะแนนก็จะปวดหัวในระบบ แต่เมื่อลงคะแนนเสร็จแล้วการตั้งสมการทางการเมืองขึ้นมา อันนี้จะเป็นความปวดหัวที่ไม่ค่อยจะปกติในแต่ละครั้ง เพราะในแต่ละครั้งจะมีองค์ประกอบไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะสถานการณ์บ้านเมือง สถานการณ์โลก ในแต่ละครั้งจะมีองค์ประกอบที่แตกต่างกันไป ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะมีความแตกต่างกัน ครั้งนี้ก็เช่นกัน ตอบยากมากว่าจะเป็นอย่างไร หัวใจสำคัญคือยึดสันติวิธีในการทำงาน ไม่นิยมในความรุนแรง เหมือนกีฬาฟุตบอลที่ในเวลา 90 นาที จะมีการต่อว่า แจกใบเหลือง หรือใบแดง แต่ในทางการฟุตบอลเมื่อจบ 90 นาทีก็คือจบ การเมืองก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น จบก็คือจบ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็อยากให้ทุกฝ่ายเคารพในกติกาที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ไปสู่สถานการณ์ที่จะทำให้ทุกคนไม่สบายใจ เมื่อถึงเวลาก็มาว่ากันในสภา หรือหากมีการเลือกตั้งใหม่ก็งัดกลเม็ดเด็ดพรายขึ้นมาต่อสู้กันในสนามเลือกตั้งใหม่

⦁ อยากฝากถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าทำไมถึงควรเลือกพรรค ชทพ.

วันที่ 14 พฤษภาคมนี้จะเลือกพรรคไหนก็ได้ มาถึงวันนี้เชื่อว่าทุกคนคงตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกพรรคไหน เลือกคนไหน ดังนั้นขอให้ออกมา มาใช้สิทธิของท่าน ขอให้มาใช้สิทธิทั้งสองใบของท่านในการทำงานให้กับประเทศ ไม่ใช่แค่เฉพาะการเมือง พี่น้องประชาชน 66 ล้านคน ล้วนแล้วแต่มีเวลาที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของประเทศไทย จะคิดแบบเดิม จะทำแบบเดิม จะผ่านวงเวียนเดิมๆ หรือคราวนี้จะเปลี่ยนเป็นสิทธิของท่าน วันนี้พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของการทำงาน เรายืนยันที่เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่และทุกๆ เจเนอเรชั่น และการทำงานทั้งของชาติไทยพัฒนาตลอด 4 ปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์จุดยืนนั้นให้เห็นแล้ว ดังนั้นวันนี้ใช้สิทธิของท่าน ใช้เสียงของท่านให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อการทำงานของประเทศไทยที่มีความยั่งยืนและความก้าวหน้าของคนไทยทุกคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image