Jurassic World: Fallen Kingdom ยังสนุกเหมือนเดิม

Jurassic World: Fallen Kingdom ยังสนุกเหมือนเดิม

Jurassic World: Fallen Kingdom ยังสนุกเหมือนเดิม

Jurassic World: Fallen Kingdom ภาคนี้เป็นเรื่องที่ 5 ในแฟรนไชส์หนังไดโนเสาร์จูราสสิค สตีเวน สปีลเบิร์ก (ซึ่งในภาคนี้ผันตัวมาเป็น Executive Producer) ได้เลือกให้ เจ.เอ.บาโยน่า ที่เคยกำกับหนังเกี่ยวกับภัยพิบัติ The Impossible หนังเขย่าขวัญสั่นประสาท The Orphanage และ A Monster Calls หนังดาร์คแฟนตาซีที่แสนจะหดหู่ มาเป็นผู้กำกับ

โดยรับประกันว่า “เจ. เอ. สร้างหนังที่เต็มไปด้วยพลังและความรู้สึก เคยทำหนังเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ ที่เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษ หนังสัตว์ประหลาดยักษ์ซึ่งมีความสัมพันธ์กับเด็ก หนังโกธิคสยองขวัญ ซึ่งหนังเหล่านี้สะท้อนออกมาใน Jurassic World ภาคนี้ และเขารู้ว่าจะสร้างความระทึกขวัญและใช้ซาวด์ประกอบแบบไหน”

และไม่ว่าใครจะพูดถึงหนังเรื่องนี้อย่างไร ส่วนตัวรู้สึกว่าหนังภาคนี้สนุกมาก มีครบทุกรส ทั้ง ตลก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก

Advertisement

อารมณ์ลุ้นระทึกในหนังเรื่องนี้มาแบบแปลกๆ ปรกติเรามักจะลุ้นเอาใจช่วยเวลาตัวละครเอกอยู่ในภาวะคับขัน แต่จูราสสิคภาคนี้ เร้าอารมณ์จนเมื่อเกิดเหตุวิกฤตกับตัวละครอื่นๆ คนดูก็อดลุ้นเอาใจช่วยไม่ได้

เช่น ฉากเปิดเรื่องเริ่มต้นในบรรยากาศที่น่าหวาดระแวง ตัวประกอบมาที่เกาะอิลลานูบลาร์ เพื่อค้นหากระดูกของอินโดไมนัสเร็กซ์ (ไดโนเสาร์ตัวร้ายภาคที่แล้ว) แต่แล้วก็ต้องวิ่งหนีตายตะกายขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อเอาตัวรอด ทั้งซาวด์ แสงสี ภาพแอกติ้งตัวละคร ทำเอาคนดูลุ้นกันใหญ่ว่าจะรอดหรือไม่รอด ทั้งๆ ที่ตัวละครนี้เป็นเพียงตัวประกอบ

กับตัวร้ายของเรื่องก็เช่นกัน หนังแนวนี้ไม่ปล่อยให้ผู้ร้ายรอดหรอก แต่จุดจบของผู้ร้ายหลัก 3 คนในภาคนี้ ถูกดีไซน์ให้แตกต่างกัน คละเคล้ากันระหว่างความสยอง และชวนสะดุ้ง ที่ต้องลุ้นว่า แต่ละคนจะโดนไดโนเสาร์จัดการตามดีกรีความร้ายของแต่ละคนอย่างไร

Advertisement

คริส แพรตต์ และ ไบรซ์ ดัลลาส โฮเวิร์ด กลับมารับบท โอเวนและแคลร์ ที่ภาคนี้ต้องกลับไปช่วยชีวิตไดโนเสาร์ จากการถูกภูเขาไฟถล่มที่เกาะอิลลานูบลาร์ โอเวนยอมไปช่วยเพราะ บลู แรปเตอร์ที่เขาฝึกจนสามารถสื่อสารกันได้ ยังติดอยู่ที่เกาะ ส่วนแคลร์ก่อตั้งกลุ่มพิทักษ์ไดโนเสาร์ขึ้น และได้รับการสนับสนุนจากมหาเศรษฐี เบนจามิน ล็อกวูด (เจมส์ ครอมเวล) ให้ทุนแคลร์ไปอพยพไดโนเสาร์ออกจากเกาะ

เจตนาดีของล็อกวูดถูกความโลภของคนสนิท นำไปแสวงหาผลประโยชน์ และเป็นอีกครั้งที่เหล่าไดโนเสาร์ที่ถูกกักขังหลุดออกมาก่อความวุ่นวาย น่าสะพรึงและบานปลายจนชื่อ Jurassic World ไม่น่าจะหมายถึงแค่สถานที่บนเกาะที่ไดโนเสาร์อยู่

จนเป็นที่มาของคำเตือนของ ดร.เอียน มัลคอร์ม (เจฟฟ์ โกลด์บลัม) ว่า “พวกมันอยู่ที่นี่มาก่อนเรา และถ้าเราไม่ระวังมันจะอยู่ต่อจากเรา” แถมปิดท้ายคำพูดว่า “Welcome to Jurassic World”

หนังยังคงแสดงให้เห็นถึงความโลภของมนุษย์ ภาคที่แล้วสร้างไดโนเสาร์สุดโหด อินโดไมนัสเร็กซ์จากการตัดแต่งพันธุกรรมทั้งจากไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ และสัตว์ที่มีลักษณะพิเศษ เพื่อหวังให้สวนสนุกมีสิ่งดึงดูดให้คนเข้าชมมากขึ้น แต่กลับกลายเป็นความหายนะที่ทำให้สวนสนุกต้องถูกปิดตาย

มาภาคนี้ มนุษย์ก็ยังไม่เข็ด อัพเกรดไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ อินโดแรปเตอร์ ขึ้นมาอีก โดยเอา DNA จากกระดูกของอินโดไมนัสเร็กซ์ มาผสมกับความเฉลียวฉลาด DNA ของบลู แรปเตอร์ ที่โอเวนฝึก พร้อมใส่เทคโนโลยีให้มันเป็นนักล่าที่ควบคุมได้เพราะความโลภที่คิดว่า “คุณไม่รู้หรอกว่า ผู้ล่าที่เชื่องจะมีค่ามหาศาลแค่ไหน”

หนังเล่าเรื่องสนุกมาก ครึ่งแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติและวิ่งหนีความตายบนเกาะ ครึ่งหลังมืดมน น่ากลัว ระทึกลึกลับ แบบหนังโทนโกธิค ทั้งยังเป็นภาคที่มีไดโนเสาร์หลากหลายพันธุ์ปรากฏตัวมากที่สุด

เจ้าประจำคือทีเร็กซ์ที่ยังคงความดุร้ายโหดเหี้ยม แรปเตอร์ (บลู) ในมุมมองที่น่ารัก เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงของพระเอก อะแพโทซอรัส (ไดโนเสาร์คอยาวแสนสุภาพ ที่เราคุ้นเคยกับภาพที่มันยืดคอกินใบไม้) มาเป็นดราม่าที่น่าสงสารจากภาพที่มันยืนอย่างสิ้นหวังริมหาดที่ลาวากำลังไหลและไฟลุกท่วมตัว เสริมด้วยโมซาซอรัสที่ทุกครั้งที่มันกระโจนจากน้ำเพื่องาบเหยื่อ ก็น่าเกรงขามและชวนสะดุ้งทุกที

มีตัวใหม่ ที่รูปลักษณ์น่าขันและกลายเป็นผู้ช่วยพระเอกโดยไม่รู้ตัว สติกกิโมล็อค เหมือนคนหัวล้านที่บทบาทของมันทำให้คนดูอดเชียร์ไม่ได้ ส่วนเจ้าตัวร้ายสุดของภาคนี้ อินโดแรปเตอร์ ภาพน่าจดจำของมันคือ ฉากยืนทมึนบนหลังคา ไล่ล่าโอเวน อย่างกระเหี้ยนกระหือ ท่ามกลางบรรยากาศมืดสลัว แสงเสียงสีที่ใช้ในฉากน่าพรั่นพรึง ทั้งสยองและลุ้นระทึก

ต้องขอชื่นชม การสร้างไดโนเสาร์ภาคนี้ ที่ เจ.เอ.บาโยน่า กลับไปใช้เทคนิคเดิมที่สปีลเบิร์กเคยใช้ใน Jurassic Park 1993 ที่ทำให้หนังได้รางวัลออสการ์สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม นั่นคือ ใช้ CG ไม่มากแต่เน้นการสร้างหุ่นยนต์ไดโนเสาร์ที่ขยับได้เอง และมีคนอยู่ข้างใน ที่เรียกว่า Animatronics ให้ความรู้สึกสมจริง น่าดู จนต้องบอกว่าเป็นหนังที่คนชอบดูหนังห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image