| ผู้เขียน | สุรีย์ประภา |
|---|
“Criminal” หนังสนุกของเควิน คอสต์เนอร์ และ “The Witch” เรื่องสยองขวัญปลายเปิด
Criminal
หนังเรื่องนี้ในต่างประเทศทำรายได้ไม่ดีนัก และนักวิจารณ์ก็ไม่ค่อยชอบ ทั้งๆ ที่มีดาราดังๆ ที่เคยแสดงหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่มากันเพียบ ใครจะว่าไงไม่รู้ แต่เราชอบและคิดว่าเป็นหนังที่ตื่นเต้น ชวนลุ้น และสนุกเกินคาด
ใครเป็นแฟน เควิน คอสต์เนอร์ ตั้งแต่สมัยยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวในหนัง The Bodyguard ต้องไปดูให้ได้นะ ถึงจะไม่หล่อแบบในความทรงจำ แต่แสดงได้น่าประทับใจ ระยะหลังๆ หนังที่เควิน คอสต์เนอร์ แสดง ถ้าไม่เล่นเป็นตัวพ่อก็เป็นหัวหน้าองค์การอะไรสักอย่าง ไม่ใช่ตัวเอกของเรื่อง แต่เรื่องนี้เควินแสดงเป็นพระเอกเต็มตัว คู่กับนางเอกแสนสวยดีกรีมิสอิสราเอล กัล กาด็อท
แม้อายุอานามจะต่างกัน ฝ่ายชายค่อนข้างเหี่ยวย่นยับไปทั้งหน้า ฝ่ายหญิงสวยสดเต่งตึง แต่ท้ายเรื่องก็สามารถทำให้คนดูเคลิ้มและอดซาบซึ้งไม่ได้ว่า ชะรอยรักแท้จะไม่สำคัญที่รูปร่างหน้าตา อยู่ที่จิตใจที่ซ่อนอยู่ภายในมากกว่า
แต่ถ้าใครชอบ ไรอัน เรย์โนลด์ รอดูเรื่องอื่นเถอะ เพราะเรื่องนี้ ไรอัน แสดงไม่ถึงสิบนาที โดยรับบทเป็นบิล โพ้ป เจ้าหน้าที่ซีไอเอ ที่ถูกส่งมาปฏิบัติภารกิจอันตรายและถูกผู้ก่อการร้ายฆ่าตาย ข้อมูลในสมองบิลจะช่วยพิทักษ์โลกจากการก่อการร้าย หัวหน้าซีไอเอ ควอเกอร์ เวลล์ (แกรี โอลด์แมน)
จึงต้องใช้วิธีสุดไฮเทค ตามที่โปรยในใบโฆษณา “ขีดสุดแห่งวิวัฒนาการ เปลี่ยนอาชญากรสุดอันตราย ให้เป็นจารชนยอดคน” ให้ดร.แฟรงค์ (ทอมมี่ ลี โจนส์) โอนถ่ายความทรงจำจากสมองของบิลให้กับจาริโก้ (เควิน คอสต์เนอร์) อาชญากรตัวร้ายที่ไร้ความรู้สึก จากความผิดปรกติทางสมองเพราะถูกทำร้ายในวัยเด็ก
จากคนเถื่อน ดิบ โหด ไร้อารมณ์ จาริโก้เริ่มเห็นภาพความทรงจำของบิล ครอบครัวที่มีลูกสาวน่ารักและภริยาแสนสวย จิลล์ (กัล กาด็อท) เห็นภารกิจที่บิลทำค้างไว้และเขาต้องสานต่อ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้จักคำว่ารับผิดชอบ และที่สำคัญ ไม่รู้จักความรัก อารมณ์แสนแปลกที่เขาไม่เคยสัมผัส อันทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป และต้องลุกขึ้นมาปกป้องครอบครัวบิลให้พ้นจากอันตราย
Criminal เป็นหนังที่ไม่ซับซ้อน แต่มีบทแอคชั่นที่เข้มข้น สนุกสนาน บางช่วงค่อนข้างโหด เควิน คอสต์เนอร์ แสดงดี ทั้งบทเถื่อน รุนแรง และอารมณ์รักที่ปราศจากคำพูดแต่ใช้สัญลักษณ์แทน ข่าวว่าตอนแรกจะเป็นนิโคลัส เคจ ที่จะรับบทจาริโก้ แต่เควิน คอสต์เนอร์ ก็แสดงดี ทั้งจาริโก้ในบทกักขฬะ โหด และบทดราม่าที่เกี่ยวกับความรักและครอบครัว
กัล กาด็อท สวยน่าดูเป็นที่สุด ดาราดังที่เอามาแสดงแล้วรู้สึกไม่คุ้ม คือไรอัน แต่เราชอบมาดบิลในเรื่องนี้มากกว่าตอนเป็น Deadpool ส่วนทอมมี ลี โจนส์ เอามาทำไมไม่รู้ บทหมออัจริยะนี่ไม่ค่อยเข้ากับหน้าตายับๆ ของเขา ใช้ดาราโนเนมแสดงน่าจะได้ เพราะบทไม่มากนัก แต่ถ้ามองในแง่เรียกคนดูก็อาจจะพอไหว ถือเป็นกำไรของคนดูละกัน
The Witch
หนังนอกกระแสต้นทุนต่ำ (ใช้ทุนแค่ 3.5 ล้านเหรียญ) ที่ไม่ธรรมดา นักแสดงก็ไม่ดัง แถมเรื่องนี้เป็นหนังยาวเรื่องแรกที่ โรเบิร์ต เอกเกอร์ส กำกับและเขียนบทเอง หนังได้รางวัล Sundance Winner Best Director จากเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ที่จัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา
หนังพาคนดูย้อนกลับสู่นิวอิงแลนด์ในสมัย ค.ศ.1630 ยุคที่ผู้อพยพจากยุโรปยังเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจและแม่มด ครอบครัวของวิลเลียมและแคทธอรีน ถูกขับออกจากนิคม พร้อมด้วยลูกหญิงชายห้าคน พวกเขาสร้างบ้านเรือนใกล้ชายป่าลึกลับแห่งหนึ่ง
แต่จู่ๆ เกิดเหตุการณ์ประหลาดน่าสะพรึง ลูกชายที่เพิ่งเกิดหายไปต่อหน้าต่อตาพี่สาวคนโตโธมาซิน (อันย่า เทย์เลอร์ จอย) ที่พาน้องไปเลี้ยงแถวชายป่า พืชผลที่ปลูกไว้เหี่ยวแห้งล้มตาย สัตว์เลี้ยงมีอาการคลุ้มคลั่ง ลูกชายคนรองที่เป็นที่รักของพ่อแม่ ล้มเจ็บด้วยอาการประหลาด ซ้ำน้ำนมแพะที่รีดออกมากลายเป็นเลือด วิลเลียมและแคทธอรีนเชื่อว่าทั้งหมดเกิดจากอำนาจแม่มด และโธมาซินถูกสงสัยว่าอาจเป็นเธอที่ขายวิญญาณให้ซาตาน
บรรยากาศของหนัง ทั้งทิวทัศน์ ภาพ เสื้อผ้าหน้าผม และการใช้ภาษาอังกฤษแบบโบราณ ทำให้คนดูเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในนิวอิงแลนด์ปี 1630 จริงๆ
เดอะ วิทช์ ไม่ใช่หนังสยองขวัญ ดูไปสะดุ้งไป แต่คนดูจะดูอย่างอึดอัดและสงสัยตลอดทั้งเรื่อง แม่มดมีจริงหรือเปล่า หรือแม่มดเป็นเพียงบาปหรือสัญลักษณ์ความชั่วร้ายในจิตใจคน
หนังตั้งคำถามเกี่ยวกับความศรัทธาในศาสนาของครอบครัวนี้ พ่อสอนลูกให้สวดมนตร์และเชื่อมั่นในพระเจ้า แต่ตัวพ่อเองเหมือนคนไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำ มุสาและไม่ปกป้องลูกสาวจากความเข้าใจผิดและอคติของแม่
บรรยากาศของหนังคล้ายๆ กับหนังเรื่อง The Village ของเอมไนท์ ชายามาลาน อารมณ์ของหนังออกแนวหม่น ดูไปสงสัยไป ชวนติดตามว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ตลอดทั้งเรื่องเต็มไปด้วยความตึงเครียด และความหวาดระแวงกันและกันของคนในครอบครัว ดนตรีหลอนเสริมความรู้สึกเยือกเย็นน่าขนลุก
เดอะ วิทช์ เป็นหนังปลายเปิดที่แล้วแต่คนดูจะตีความ และไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน หนังฉายอย่างจำกัดโรง และน่าจะฉายไม่นานนัก สนใจต้องรีบไปดู ความไม่ชัดเจนของหนังถือเป็นเสน่ห์ของเรื่อง ดูจบคนดูไม่รู้สึกจบ เพราะยังมีคำถามและข้อสงสัยที่ตามมาหลายประเด็น แพะ กระต่ายดำมีนัยยะอะไรหรือเปล่า
หนังสะท้อนความคิดและพฤติกรรมในยุคที่คนยังขาดการศึกษาและถูกครอบงำด้วยความกลัว มองเห็นสิ่งไม่ดีในตัวคนอื่น แต่ไม่ยอมดูตัวเอง ทั้งๆ ที่ความชั่วร้ายบางครั้งไม่ใช่เกิดจากคนนอก แต่อยู่ภายในใจคนคนนั้น
