| ผู้เขียน | สุรีย์ประภา |
|---|
Godzilla 2 หนังสัตว์ประหลาดที่สนุก แต่ตัวละครมนุษย์ล้มเหลว
เอ่ยชื่อ Godzilla ไม่มีใครไม่รู้จัก สัตว์ประหลาดร่างยักษ์ ที่ถือกำเนิดจากอานุภาพของระเบิดนิวเคลียร์ ปรากฏตัวบนจอจอภาพยนตร์ครั้งแรก โดยฝีมือกำกับของ อิชิโร ฮอนดะ จากสตูดิโอโตโฮ ในปี 1954 เป็นหนังญี่ปุ่นที่ใช้ทุนสูงมากสำหรับยุคนั้น แต่ก็ประสบความสำเร็จ จนมีหนังเกี่ยวกับ Godzilla ยาวนานหลายยุคหลายสมัย
ก็อตซิลล่า หรือ โกจิระ (มาจากการผสมคำ โกะริระหรือกอริลล่า และคุจิระหรือปลาวาฬ) ถูกเล่าเรื่องราวในภาพยนตร์หลากหลายเวอร์ชั่น ต่างรูปลักษณ์ ต่างพฤติกรรม บางเวอร์ชั่นก็ลุกขึ้นมาถล่มบ้านถล่มเมือง เช่นในภาคแรก
บางภาค เช่นปี 1964 Ghidorah , The Three Headed Monster ก็อตซิลล่าเป็นฝ่ายธรรมะ มีศัตรูตัวร้ายคือ คิงกิโดรา มังกรสามหัวที่ต่อมากลายเป็นคู่ปรับตลอดกาลของมัน
คนดูถูกใจเจ้าสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ทรงพลัง ที่สามารถพ่นลำแสงไฟทางปาก สนุกสนานกับแอคชั่นการต่อสู้ของมันกับอสูรกายร้ายตัวอื่นๆ เช่น คิงกิโดรา โรแดน หรือบางครั้งก็ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดฝ่ายดีเพศเมีย เช่น มอธร่า ( เรื่อง Godzilla vs Mothra 1964) ที่ต่อมากลายเป็นพันธมิตรของก็อตซิลล่า
โดยอาจไม่รู้ว่าก็อตซิลล่าเป็นภาพสะท้อนความทุกข์ทรมานของคนญี่ปุ่น จากเหตุการณ์ถูกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อไม่สามารถสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้โดยตรง Godzilla 1954 จึงถูกสร้างขึ้น เพื่อพูดถึงผลกระทบของระเบิดนิวเคลียร์
เปรียบเทียบว่าก็อตซิลล่าคืออาวุธทำลายล้าง (ตัวมันเองเกิดจากพลังนิวเคลียร์) ที่มีชีวิต ทุกแห่งที่มันไปพินาศย่อยยับ และมีแต่ความตาย (เหมือนระเบิดนิวเคลียร์)
Godzilla 2: King of Monsters เป็นหนังลำดับที่สามในจักรวาล Monster Verse ที่ค่ายวอร์เนอร์จับมือกับค่ายลีเจนดารี่ โดยเปิดจักรวาลด้วย Godzilla 2014 ตามมาด้วย Kong: Skull Island 2017
Godzilla ภาคนี้ เล่าเหตุการณ์หลัง Godzilla ภาคแรก 5 ปี (สงครามนิวเคลียร์และการท้าทายธรรมชาติของมนุษย์ ทำให้ก็อตซิลล่าลุกขึ้นมาเป็นผู้พิทักษ์และปกป้องโลกจากสัตว์ร้ายมูโต) องค์กรโมนาร์ชที่ศึกษาค้นคว้าเรื่องสัตว์ประหลาดยักษ์ ได้ค้นพบว่ามีสัตว์ประหลาดถึง 17 ตัวหลบมุมตามส่วนต่างๆ ของโลก
ดร.เอ็มม่า (เวรา ฟาร์มิกา) คิดค้นเครื่องมือ Orca ที่ใช้สื่อสารกับสัตว์ประหลาดได้ แต่การเสียลูกชายในการปะทะกันระหว่างก็อตซิลล่าและมูโต ทำให้ครอบครัวเธอแตกแยก
จนเอ็มม่าเกิดตรรกกะแปลกๆ อยากคืนสมดุลให้กับโลก โดยหันไปเข้าพวกกับ โจนาห์ อลัน (ชาร์ล แดนซ์) ผู้ก่อการร้ายและนักค้า DNA สัตว์ประหลาด ปลุกสัตว์ร้าย คิงกิโดร่า และสมุนสัตว์ประหลาดยักษ์อื่นๆ เช่น โรแดน ขึ้นมา
ก็อตซิลล่าจึงต้องลุกขึ้นมาเพื่อรักษาสมดุลโดยมีแนวร่วมคือ มอธร่า
ผู้กำกับ ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ (ที่เคยกำกับหนัง Krampus และ Trick ‘r Treat) ศึกษาจุดอ่อนของ Godzilla ภาคก่อนที่ถูกวิจารณ์ว่า ฉากปะทะกันระหว่างก็อตซิลล่าและมูโตมีน้อย แทนที่จะลุ้นระทึกในส่วนสัตว์ประหลาดต่อสู้กัน กับไปเน้นการวิ่งหนีตายของเหล่ามนุษย์ แถมตัวเอกก็อตซิลล่าเองก็โผล่มาแบบไม่สะใจแฟนคลับ
ภาคนี้ โดเฮอร์ตี้เลยจัดเต็มฉากการต่อสู้ของสัตว์ประหลาด ไม่ใช่แค่ก็อตซิลล่ากับคิงกิโดร่า แต่ยกสัตว์ประหลาดยักษ์ของค่ายโตโฮมาร่วม ทั้งโรแดน มอธร่า และอีกหลายตัวที่ต่อสู้กันอย่างจริงจัง และโผล่มาให้เห็นแบบผ่านๆ
ฉากแอคชั่นระหว่างสัตว์ยักษ์ 2 ตัวเป็นฉากต่อสู้ที่ดุเดือด สุดมัน บ้านเรือนพังพินาศสันตะโร สัตว์แต่ละตัวสามารถปล่อยลำแสง พ่นไฟทำลายล้างศัตรู คิงกิโดร่าก็เป็นอสูรร้ายที่เก่งมาก นอกจากมีสามหัวที่เมื่อหัวขาดก็งอกใหม่ได้แล้ว ยังบินได้รวดเร็ว สร้างพายุขนาดใหญ่ และพลังไฟฟ้าได้ด้วยตัวเอง
ถ้าก็อตซิลล่าไม่ได้กำลังสนับสนุนทั้งจากมอธร่า และฝ่ายมนุษย์ ก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะคิงกิโดร่าในภาคนี้ได้
พาร์ทสัตว์ประหลาดสนุกและคงถูกใจแฟนคลับก็อตซิลล่า แต่พาร์ทมนุษย์ล้มเหลวกว่าภาคปี 2014 ผู้กำกับไม่สามารถบริหารจัดการอารมณ์ดราม่าของตัวละครมนุษย์ให้ออกมาได้น่าสนใจ
ภาคนี้มีการสูญเสียตัวละครสำคัญหลายตัว แต่คนดูก็ไม่รู้สึกประทับใจ ตรรกกะของตัวละครเอก ดร.เอ็มมา ดูเพี้ยนๆ ไม่สมเหตุสมผล และไม่คุ้มความสามารถที่เธออุตส่าห์คิดเครื่องมือสื่อสารกับสัตว์ประหลาดได้ แทนที่จะใช้เครื่องมือสื่อสารให้สัตว์ร้ายไม่ทำร้ายโลกและมนุษย์ กลับคิดแค่ปลุกสัตว์เพื่อคืนสมดุลให้โลก
ถ้าชอบหนังสัตว์ประหลาดตีกันจนบ้านเมืองถล่มถลาย ก็คงจะไม่ผิดหวังหนังเรื่องนี้ แต่หากอยากจะสนุกกับเนื้อเรื่องด้วย ก็คงจะต้องผิดหวัง เพราะบทหนังแนวสัตว์ประหลาดที่อัดแอคชั่นเต็มแบบนี้ คงต้องมองข้ามเรื่องเนื้อเรื่องไป
คลิกอ่าน Kong: Skull Island หนังสัตว์ประหลาดสู้กันสุดมัน ส่วนมนุษย์เป็นตัวประกอบ
