Star Trek Beyond สนุก จนอยากดูภาคต่อไป

Star Trek Beyond สนุก จนอยากดูภาคต่อไป

Star Trek Beyond สนุก จนอยากดูภาคต่อไป

หนัง Star Trek ก่อกำเนิดอย่างเป็นทางการปี 1966 จากการสร้างสรรค์พล็อตเรื่องโดย ยีน ร็อดเดนเบอร์รี การกลับมาของหนัง Star Trek Beyond จึงเท่ากับเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปี ของซีรีส์ไซไฟอวกาศที่ยาวนานที่สุดนับแต่มีมา

สิ่งที่ทำให้ Star Trek ผูกใจแฟนหนัง และดึงดูดผู้ชมใหม่ๆ น่าจะเป็นเพราะเป็นหนังไซไฟวิทยาศาสตร์ผจญภัยท่องอวกาศเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิต และอารยธรรมใหม่ๆ ที่สนุกสนาน เข้าถึงง่าย โครงเรื่องเชิงปรัชญาเกี่ยวกับชีวิต เอกภพและจักรวาล มีตัวละครเอกเป็นชาววัลแคน ซึ่งเชื่อในตรรกะและใช้ตรรกะตัดสินทุกอย่าง จึงเป็นหนังอวกาศที่แฝงปรัชญาไว้อย่างแยบยล

Star Trek ภาคนี้เป็นภาคที่สามของ Star Trek Reboot และเปลี่ยนผู้กำกับจาก เจ เจ อับรามส์ ซึ่งกำกับภาคหนึ่งและสอง มาเป็นจัสติน ลิน ผู้เคยกำกับ Fast & Furious ความที่สองภาคแรกสนุกมาก ทำให้ผู้ชมไม่ค่อยแน่ใจนักว่า ลิน จะทำภาคนี้ออกมาได้ดีเท่าอับรามส์ ซึ่งนั่งแท่นเป็นผู้อำนวยการสร้างภาคนี้ ส่วนหนึ่งกลัวหนังจะกลายเป็น Fast ภาคอวกาศที่มีแต่แอคชั่นระห่ำ

ใครว่าไงไม่รู้แต่เราว่าภาคนี้สนุก ทิศทางของหนังไม่เปลี่ยน มีครบทั้งดราม่า แฟนตาซี แอคชั่น และมุขตลกเป็นระยะๆ เสริมเรื่องมิตรภาพ และการทำงานเป็นทีม โดยยังคงมีปรัชญาและคำพูดคมๆ ส่วนแกนของเรื่องก็ไม่ทิ้งการสำรวจจักรวาลและค้นหาชีวิตใหม่ ผสมผสานกลิ่นไอ Fast นิดๆ ตอนขับมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่า ผาดโผนล่อหลอกศัตรู

Advertisement

ภาคนี้กัปตันเคิร์ก (คริส ไพน์) และคณะซึ่งประกอบด้วย สป็อค (แซคคาริ ควินโต) หมอโบนส์ (คาร์ล เออร์บัน) สกอตตี้ (ไซมอน เพ็กก์) ซูลู (จอห์น โช) และเชคอฟ (แอนตัน เยลซิน) มีภารกิจที่จะต้องช่วยอูฮุรา (โซอี้ ซัลดามา) และลูกเรือ ชึ่งถูก ครัล (ไอคริส แอลบา) จับกุมไป ครัลเกลียดชังสหพันธ์และต้องการทำลายล้างมนุษย์โลก เคิร์กจึงต้องทั้งช่วยลูกเรือและกอบกู้จักรวาลให้พ้นจากเงื้อมมือครัล โดยมี เจย์ลาห์ (โซเฟีย โบเทลลา) เอเลียนสาวเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้

ตัวละครของหนังเรื่องนี้มีหลายตัว ที่ผ่านมาผู้กำกับสามารถกระจายบทให้ตัวละครได้ดีพอสมควร แต่ภาคนี้สามารถทำได้อย่างสุดยอด ผู้ชมจะเห็นชัดเจนว่าตัวละครหลัก (ตัวเดิมๆ ทั้งหกคน) มีบทสำคัญชนิดไม่สามารถขาดใครคนใดคนหนึ่งได้ บทแต่ละคนชัดเจน และมีความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่หัวหน้ากับลูกน้องหรือเพื่อนร่วมยาน แต่พวกเขาเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เคิร์กพัฒนาจากกัปตันใจร้อนจอมเฮี้ยว มาเป็นผู้นำ ที่มีความสุขุม รับผิดชอบ และมีความคิดลุ่มลึก

“ยิ่งเราเดินทางท่องอวกาศไปแสนไกลเท่าไหร่ ผมยิ่งเกิดความแคลงใจว่า เราพยายามบรรลุเป้าหมายอะไรกัน หากจักรวาลไร้ที่สิ้นสุดจริง งั้นเราไม่ไล่ตามสิ่งที่ไกลเกินเอื้อมตลอดกาลหรือ”

Advertisement

ภาคนี้ไม่มีบทจิกกัดระหว่างเคิร์กและสป็อค แต่สป็อคมีคู่กัดคนใหม่คือหมอโบนส์ ทั้งสองคนมีตรรกะที่ไม่ค่อยตรงกัน ความกลัวตายในความรู้สึกของสป็อค “เป็นความไม่สมเหตุสมผล” แต่หมอโบนส์มองว่า “ความกลัวตายคือสิ่งที่ช่วยให้เราอยู่รอด” คนสองคนที่มีความเห็นขัดแย้งกัน แต่ก็ผูกพันกันจนคนดูต้องขำมุขที่รับส่งกันระหว่างสองคน สกอตตี หรือ ไซมอน เพ็กก์ เป็นตัวละครอีกตัวที่สามารถเรียกรอยยิ้มจากผู้ชม เพ็กก์ไม่ใช่มีฝีมือแค่การแสดงเท่านั้น เขายังร่วมกับดั๊ก จุง ในการเขียนบทหนังภาคนี้

ตัวละครที่เคียงคู่เคิร์กเกือบตลอดเรื่องในตอนนี้คือเชคอฟ (แอนตัน เยลชิน) เจ้าหน้าที่อัจฉริยะรัสเซียที่อายุน้อยที่สุดในยาน ภาคนี้มีบทของเขาค่อนข้างมาก แต่น่าเสียดายที่เราจะไม่ได้เห็นเขาใน Star Trek ภาคต่อไป เพราะเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชน ก่อนหนังภาคนี้ฉายเพียงแค่หนึ่งเดือน และมีข่าวว่าจะไม่มีการหาดาราใหม่มาแสดงแทน เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่เยลชิน

สำหรับตัวละครใหม่ เจย์ลาห์ เปิดตัวได้น่าสนใจมาก สมาร์ทและดูสวยแม้จะถูกแปลงโฉมจนไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง (กว่าเธอจะออกมาลุคแบบนี้ เข้าฉากแต่ละครั้งใช้เวลาแต่งหน้าถึงสี่ชั่วโมง) ฉากแอคชั่นที่เธอแสดง เฉียบและสตรองไม่แพ้ตอนเธอแสดงเป็นอีสาวขาดาบตัวร้าย ในหนังเรื่อง Kingsman

ไอคริส แอลบา แสดงเป็นครัล เอเลียนที่มีปมแค้นกับสตาร์ฟลีทและสหพันธ์ กองทัพของเขาทั้งแข็งแกร่ง ไฮเทค และมีศักยภาพสูง ขนาดทะลุทะลวงทำลายยานเอ็นเตอร์ไพร์สได้ไม่ยากนัก แต่แอลบาโชคร้ายที่มารับบทร้ายนี้ต่อจาก เบเนดิคท์ คัมเบอร์แบทช์ ที่แสดงเป็น ข่าน ตัวร้ายของภาคที่สอง คัมเบอร์แบทช์เป็นตัวร้ายที่มาดเท่ และประทับใจคนดู ถึงจะโหด เลือดเย็น แต่มีเสน่ห์จนทำให้คนดูบางคนแอบเอาใจช่วย และดีใจที่ข่านแค่ถูกแช่แข็ง ไม่ได้ถูกกำจัดอย่างถาวร ซึ่งถ้าอะไรในภาคนี้จะสู้ภาคที่ผ่านมาไม่ได้ ก็คงจะเป็นส่วนนี้แหละ

CG ในเรื่องนี้อลังการไม่แพ้ภาคที่ผ่านมา ทุนสร้างหนังเรื่องนี้ 150 เหรียญสหรัฐ (น้อยกว่าภาคที่แล้วที่ใช้ 190 ล้านเหรียญ) พื้นที่ถ่ายทำหลายแห่ง ทั้งโคลอมเบีย แคนาดา เกาหลีใต้ ดูไบ ทีมสเปเชียลเอฟเฟคท์ ยังคงเป็นชุดเดิมกับที่สร้างผลงาน Star Trek: Into the darkness ฉากในหนังจึงยิ่งใหญ่ไม่แพ้ภาคที่ผ่านมา ที่ชอบมากคือฉากนิคมอวกาศยอร์คทาวน์ จินตนาการบรรเจิดและแกรนด์ ฉากเอ็นเตอร์ไพร์สเผชิญกับดักฝูงยานผึ้งที่เจาะทะลุยานก็ตื่นเต้น แถมการทำลายฝูงยานผึ้งโดยใช้เพลง Sabotage ของ Beastie Boys (เพลงนี้เคยใช้เป็นเพลงประกอบ Star Trek ภาคแรก ตอนเคิร์กยังเด็กและขโมยรถออกมาซิ่ง) ก็สนุกและคึกคักมาก

ใครดูภาคนี้แล้วเชื่อแน่ว่าจะต้องคอยดูภาคต่อไปอย่างแน่นอน หนังเริ่มต้นด้วยบทกึ่งรำพึงและสนทนาของเคิร์กและหมอโบนส์ว่า “พ่อผมสมัครเข้าสตาร์ฟลีทเพราะเชื่อมั่นในหน่วย ผมสมัครเข้าเพราะโดนท้า” หมอโบนส์แย้งว่า “นายสมัครเพื่อพิสูจน์ว่า สมเป็นลูกพ่อหรือเปล่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา นายพยายามเป็นแบบพ่อ จนตอนนี้เกิดความสงสัยว่า ตัวเองมีดีแค่ไหน”

สำหรับ Star Trek ภาคสี่ มีข่าวว่า คริส เฮมส์เวิร์ธ จะกลับมารับบท จอร์จ เคิร์ก พ่อของกัปตันเจมส์ ที เคิร์ก ขอให้จริงเถอะ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image