| ผู้เขียน | สุรีย์ประภา |
|---|
Our Kind of Traitor คอหนังอาชญากรรมไม่ควรพลาด
ไปดูหนังเรื่องนี้เพราะชอบพระเอก ยวน แมคเกรเกอร์ ยวนเป็นดาราที่แสดงได้หลายบทบาท คนส่วนมากจะรู้จัก ยวน ในบท โอบีวัน เคโนบี จาก Star Wars แต่ที่ผู้วิจารณ์ชอบมากคือเมื่อเขาเล่นหนังเรื่อง Moulin Rouge (2001) หนังเพลงที่แสดงให้เห็นความสามารถในการร้องเพลงของเขา ขนาดมีคนพูดว่า เขาคือ แฟรงค์ ซิเนตรา ยุคใหม่ ในตอนนั้น
ใน Our Kind of Traitor ยวนรับบท เพอร์รี อาจารย์หนุ่มเชยๆ ที่ด้อยกว่าภริยา เกล (นาโอมี แฮร์ริส) ทนายความสาวที่ประสบความสำเร็จในวิชาชีพ เพอร์รี พา เกลไปเที่ยวโมร็อคโค เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่เริ่มตกต่ำ ทั้งคู่พบกับ ดีมา (สเตลแลน สการ์การ์ด) นักฟอกเงินมือหนึ่งของแก๊งค์มาเฟียรัสเซีย ดีมาและครอบครัวกำลังจะถูกกำจัด ดีมาขอความช่วยเหลือให้เพอร์รีนำข้อมูลลับไปส่งให้หน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ เพื่อแลกกับการขอลี้ภัยของเขาและครอบครัว
เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน ดูง่าย แต่เป็นหนังมีสไตล์ เข้มข้น กดดันคนดู หนังอาชญากรรมส่วนใหญ่ มักโฉงฉ่างด้วยแอคชั่น บทบู๊ระห่ำ และการไล่ล่าที่ดูมัน แต่หนังเรื่องนี้ เดินเรื่องเรียบๆ แต่ค่อยๆ ขมวดปมให้คนดูติดตามและลุ้นเอาใจช่วยว่า เมื่อคนธรรมดาที่เป็นคนดี ถูกดึงเข้าสู่โลกอาชญากรรม ตกอยู่ในอันตรายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน และความฉ้อฉลของนักการเมืองสกปรก เขาจะทำอย่างไร จะหนีหรือจะสู้ และถ้าสู้จะรอดไหม ในเมื่อเขาเป็นเพียงคนธรรมดาๆ
Our Kind of Traitor ดัดแปลงจากนิยายผลงานลำดับที่ 22 ชื่อเดียวกับหนัง ของนักเขียนแนวทริลเลอร์ จอห์น เลอ แคร์เร่ ที่นิวยอร์คไทม์การันตีว่า เป็นหนังสือระทึกสุดแห่งปี ฮอสเซน อามินี คนเขียนบทหนังเรื่องนี้ ที่เคยสร้างชื่อเสียงจากหนังเรื่อง Drive, 47 Ronin และ Snow White & the Huntsman พูดถึงงานของแคร์เร่ว่า
“จุดเด่นงานเขียนของจอห์น เลอ แคร์เร่ คือ เขาเล่นกับธีมของเรื่องได้สนุกและน่าติดตามอย่างไม่น่าเชื่อว่าเราจะเห็นได้ในหนังสือระทึกขวัญ ในเรื่องคนดูจะตกเข้าไปในโลกของคู่รักที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วทั้งคู่ต้องเผชิญอันตรายต่างๆที่เกิดขึ้น”
หนังเรื่องนี้เป็นหนังอาชญากรรมที่นำเสนอต่างจากหนังอาชญากรรมอื่นๆ ไม่แปลกเมื่อรู้ว่าผู้กำกับหนังเรื่องนี้เป็นผู้หญิง ซูซานนา ไวท์ ผู้เคยถูกเสนอชิงรางวัล Emmy Awards ถึงสองครั้ง และคว้ารางวัล BAFTA –Winning จากซีรีส์ เรื่อง Bleak House งานกำกับหนังส่วนใหญ่ของซูซานนามักเป็นซีรีส์โทรทัศน์ แต่เธอก็เคยกำกับหนังเด็กที่ได้เงินและกล่องไปพอสมควรอย่าง Nanny McPhee & the Big Bang
การนำเสนอของซูซานนาเฉียบคมและลุ่มลึก ค่อยๆ ปูเรื่องให้คนดูเข้าใจลักษณะนิสัยของตัวละคร จนยอมรับพฤติกรรม และลากคนดูเข้าสู่ชะตากรรมที่ตัวละครประสบ เพอร์รีไม่เคยรู้จักดีมามาก่อน มันยากที่จะให้คนดูเชื่อว่า จะมีใครที่ทุ่มตัวเองให้คนที่ไม่รู้จักมากขนาดนี้ แต่ซูซานนาก็ค่อยๆ นำเสนอเพอร์รีให้คนดูเห็นว่า เพอร์รีเป็นคนจิตใจดีและทนเห็นใครถูกรังแกไม่ได้ ตอนต้นๆ เรื่องมีฉากเพอร์รี่กระโดดเข้าช่วยผู้หญิงที่ถูกทำร้าย ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีทักษะการต่อสู้ และคู่ต่อสู้ยังเป็นอาชญากรตัวร้าย จนดีมาต้องเข้าไปช่วย ส่วนดีมา มีความจำเป็นเลิศ เห็นข้อความอะไรเพียงแว้บเดียว ก็สามารถจำได้ทั้งหมด ซึ่งลักษณะนิสัยนี้นำไปสู่จุดแตกหักท้ายเรื่อง
ยวน สวมบทเพอร์รีอาจารย์สอนกวีนิพนธ์จิตใจงามได้อย่างสมจริงสมจัง สีหน้าวิตกกังวลกึ่งระแวดระวังของเขา ทำให้คนดูเป็นห่วงและเอาใจช่วยเขา ให้รอดปลอดภัยจากการตามล่าของมาเฟียรัสเซีย สเตลแลน ในบทดีมา อดีตอาชญากร ก็สวมบทมาเฟียรักครอบครัวได้เนียน จนคนดูไม่เกลียดชังและเอาใจช่วยให้การต่อรองของเขาประสบผลสำเร็จ
กำไรของคนดูจากหนังเรื่องนี้คือ ภาพและฉากงามๆ อันเป็นโลเคชั่นของหนัง หนังถ่ายทำใน 5 ประเทศ รัสเซีย โมรอคโค ปารีส ลอนดอน และสวิตเซอร์แลนด์
หนังเปิดตัวด้วยบัลเลต์รัสเซีย วิจิตรงดงาม ส่วนใหญ่เรามักเห็นความอ่อนช้อย งดงามของนักเต้นบัลเลต์หญิง แต่บัลเลต์นี้เน้นตัวเต้นชายที่มีสรีระแข็งแกร่ง กล้ามเนื้องดงาม น่าทึ่งและสวยงาม สูสีกับฉากทิวทัศน์สวยงามที่เชฟเฮาส์ เทือกเขาแอลป์ ที่ความสวยงามของบรรยากาศขัดกับการที่ตัวละครกำลังถูกตามไล่ล่า
คอหนังอาชญากรรมไม่น่าพลาด หนังชิงไหวชิงพริบกันอย่างน่าดู
