‘ดีเจเป้’ เปิดเรื่องหลังไมค์ 90s รัก โหด ซึ้ง จนถึงขั้น ‘อ้วก’ ชี้ ‘ฮอตเวฟ’ ทรงอิทธิพลวงการเพลง

‘ดีเจเป้’ ย้อนเล่ายุค 90s รับบทสื่อกลาง ‘บำบัดทุกข์สุข ปชช.’ ยัน ‘ดีเจโก’ จะอยู่ในใจไปตลอดกาล

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่มิวเซียมสยาม ท่าเตียน กรุงเทพฯ FEED ผู้ผลิตคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ภายใต้เครือ มติชน ร่วมกับ พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ จัดงาน FEED RETRO Music & Food Fest ภายใต้ธีม #90sไม่นานมานี้ ตั้งแต่วันที่ 24-26 พฤศจิกายนนี้

บรรยากาศ เวลา 16.00 น. กิจกรรม Talk ในสวน ร่วมพูดคุยกับ ’ดีเจเป้‘ วิศวะ กิจตันขจร แห่งคลื่นกรีนเวฟ ดีเจผู้ข้ามยุคจาก 90s มาสู่ปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางของตนเอง และรักษาระดับมาได้ยาวนานต่อเนื่องหลายสิบปีจนเรียกว่า “ข้ามยุค”

ในตอนหนึ่ง นายวิศวะกล่าวว่า ในยุค 90s พ.ศ. 2533 -2542 ตนจัดรายการครั้งแรกช่วงกลางของยุค ย้อนไปสมัยจัด FM 88 “Radio No Ploblem” เป็นที่แรกในยุคนั้น ก่อนที่พี่ฉอดจะเห็นแววและชักชวนมาจัดรายการให้กับ Hot wave อีกที่หนึ่ง

Advertisement

เมื่อถามว่าคอนเซ็ปต์ต่างกันอย่างไร ?

นายวิศวะกล่าวว่า ใครที่ได้ฟัง Radio No Ploblem จะรู้ว่า เป็นลักษณะถาม-ตอบ มีคำถามเข้ามา เราก็ตอบไปหมด ซึ่งการถามคนฟังโทรเข้ามา เราจะมีเครื่องบันทึกเสียงอัดไว้

Advertisement

“แรกๆ ตอบกันสดๆ หน้าไมค์ คำถามส่วนใหญ่ง่ายๆ ความรักบ้าง เกี่ยวกับเพลง ศิลปิน หลังๆ คำถามชักเริ่มยากมาก เช่น โทรมาถามว่า เวลาไปต่างจังหวัด ‘ลูกกลมๆ บนเสาไฟสูงคืออะไรหรอพี่’ เราก็ความรู้น้อยตอบไม่ได้ มันต้องหาคนที่รู้เรื่องมาตอบ เลยเก็บเสียงเหล่านั้นให้ผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นๆ มาตอบว่ามันคืออะไร เราก็ได้รู้ว่ามันคืออะไร

หลังๆ ผู้เชี่ยวชาญมาตอบแทนเรา คำถามหนักขึ้นเรื่อยๆ เรื่องความรักก่อน ไปๆ มาๆ เป็นปัญหาครอบครัว เริ่มมีความอกหัก เสียใจ ฟูมฟาย ต้องมานั่งปลอบใจกัน มันหนักไปถึงขั้น ‘พ่อข่มขืนลูก ‘ หนักเกินจะเยียวยาพวกเขา จนหลังๆ ต้องเริ่มมีจิตแพทย์ประจำรายการ มีคุณหมอมาตอบคำถาม หนักขึ้นถึงเรื่องราวการเสียชีวิต หลังๆ เราเริ่มทำงานยาก ต้องหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มารับผิดชอบในแต่ละเคสไป”

“หลังๆ มา กลายเป็นว่าเราจัดวิทยุ จัดรายการบันเทิง ไม่ทันเทิง ดีเจเริ่มเครียด ทำยังไงต่อ จนสุดท้ายกลายเป็นสื่อกลาง ดูแลทุกข์สุขประชาชนไปแล้ว ซี่งมันก็เริ่มหนัก ทีมงานเบื้องหลังเริ่มทำงานไปรับปัญหาไป ทำงานไปอ้วกไป หนักมากจนสุดท้ายรับไม่ได้ เปลี่ยนคอนเซ็ปต์” นายวิศวะกล่าว

นายวิศวะชี้ว่า สิ่งนี้สะท้อนว่า รายการวิทยุมีบทบาทในการปลอบใจ ทั้งเรื่องส่วนตัว ครอบครัว ไปจนถึงเรื่องสังคม

“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ที่ฮอตเวฟจ๋า และ มิสเตอร์ ฮอร์สแมน โทรเข้าไปในรายการ คุยกับดีเจ บันทึกเสียงลงไปในคาสเซ็ท และบันทึกเพลงของคุณส่งให้คนที่คุณรัก มันพิเศษมากกว่าจะโทรติดก็ยากมากแล้ว เปิดเพลงสดๆ หน้าไมค์ และบันทึกให้ส่วนตัวอีก เป็นอีกกิจกรรมที่มีความสุขมากในฮอตเวฟ ฮอตเวฟคือคลื่นที่มีอิทธิพลในวงการเพลง” นายวิศวะชี้

เมื่อถามว่า ดีเจในยุคนั้นเลือกเปิดเพลงจากอะไร?

นายวิศวะกล่าวว่า ดีเจในยุคนั้น เปิดตามคาแรกเตอร์ของตัวเอง อยากสื่อสารและนำอะไร ก็มาจากดีเจ ซึ่งฮอตเวฟ เป็นคลื่นที่ทรงอิทธิพลมาก ทุกค่ายเพลงจะส่งเพลงมาให้ก่อนทันทีที่ออกเพลงใหม่ ได้ฟังเพลงใหม่ที่แรก

ในตอนหนึ่ง นายวิศวะ กล่าวถึงแฟนคลับที่ส่งจดหมายมาหา ซี่งตนเปิดอ่านทุกฉบับ แต่ตอบกลับไม่หมด ส่วนของขวัญที่ระลึกที่ส่งมาให้ ตนก็ยังเก็บไว้ไม่ไปไหน

นอกจากนี้ นายวิศวะยังนิยามเพลงในยุค 90s ว่ามีภาษาที่สวย จังหวะลงตัว ฟังแล้วเย็นสบาย แนวนั้นฟังแล้วผ่อนคลาย ยุคนี้จะผสมผสานแนวเพลงหลากหลาย ซึ่งไม่ผิด แต่ตนชอบความรู้สึกในยุคก่อน

“จับซีดี ดูหน้าปก แล้วมีความสุข ฟังแล้วดูเนื้อ แม้จะเล็กมากเราก็ส่อง (หัวเราะ) ผมเป็นคนหนึ่งที่ซื้อเทปมาแล้ว ใช้มีดกรีดซองด้านบน ดันขึ้นมาฟังแล้วใส่กลับไป เพราะเราต้องการให้เทปมันใหม่อยู่เสมอ

อย่างแรกได้เทปมา เราหักเขี้ยวก่อน เพื่อไม่ให้โดนอัดทัป มันคือความทรงจำของเรา การได้ออกไปซื้อเพลง 1 อัลบั้ม มีคุณค่ามีความหมาย ต่างจากทุกวันนี้ที่แค่คลิกฟัง ศิลปินยุคนั้นคือ ตัวจริง ขายที 100 ล้านตลับ ที่ต้องเดินไปซื้อ ทรงคุณค่ามหาศาล มากกว่าล้านวิวในวันนี้ และพี่เบิร์ดเคยทำสถิติ” นายวิศวะเผย

เมื่อถามว่า หลังไมค์ ดีเจทำอะไร ? นายวิศวะกล่าวด้วยอารมณ์ขัน ว่าหลังไมค์ ตนเคยกินส้มตำ คุยไป

“เราอยากรู้ว่ากันหลังไมค์มีอะไร ก็โทรมาคุย ถามสารทุกข์สุกดิบนั่นแหละ อกหักบ้าง ปรึกษาบ้าง เราก็มีความสุข เขารู้สึกว่าเราคือเพื่อนคนนึง แม้ไม่ได้สนิท แต่รู้สึกคุ้นเคยกับเขา บางเรื่องไม่เคยคุยกับพ่อแม่ แต่มาคุยกับเรา เป็นความสนิทอีกแบบที่มีระยะห่างกำลังดี เล่าอะไรให้ฟังก็ได้ โดยไม่กระทบชีวิตเขา บางทีเราก็ร้องไห้ หัวเราะไปกับคนฟัง” นายวิศวะเผย

นายวิศวะ ยังยืนยันด้วยว่า การเป็นดีเจ ทำให้ตนมีความสุขจนถึงวันนี้ ไม่ได้จัดแล้วเหงา

ในช่วงท้าย นายวิศวะ ยังกล่าวถึง “ดีเจโก” ตฤณ เรืองกิจรัตนกุล ดีเจชื่อดังที่เสียชีวิตจากการปลิดชีพตนเอง ว่า จะอยู่ในใจเราไปตลอดกาล
.
“เขาเป็นอีกคนที่สร้างเสร็จหัวเราะ รอยยิ้มและความสุขให้คนฟัง มาตลอดระยะเวลาของการเป็นดีเจ ความทรงจำเหล่านี้อยู่ในใจ จากนี้ไปจะนึกถึงความสุข สิ่งดีๆ ที่เขาสร้างให้เรา”

“ถ้ามีความสุขจากการฟังวิทยุ ขอให้นึกถึงเขา ดีเจโก จะอยู่ในใจเราไปตลอดกาล” ดีเจเป้ กล่าว

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image