นักพันธุศาสตร์ ยัน ‘ดีเอ็นเอ’ ตอบไม่ได้ ใครคือ ‘คนไทย’
สืบเนื่องกรณีการแถลงข่าว ‘โลงผีเเมน ข้อมูลใหม่ สู่การถอดรหัส สืบรากมนุษย์โบราณ 1,700 ปี กับการบูรณาการศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ กับวิทยาศาสตร์’ โดยมหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (อ่านข่าว พบข้อมูลใหม่โลงผีแมน สืบดีเอ็นเอ 1,700 ปี ศ.ดร.รัศมี นำทีมแถลงใหญ่พรุ่งนี้)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมไปย้ง รศ. ดร. วิภู กุตะนันท์ นักวิจัยด้านพันธุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ถึงประเด็นของ ‘ดีเอ็นเอ’ ว่าสามารถตอบคำถามได้หรือไม่ ว่าบุคคลใดเป็น ‘คนไทย’ หรือชาติพันธุ์ใด
รศ. ดร. วิภู ตอบว่า การใช้ข้อมูลดีเอ็นเอไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าใครเป็น ‘คนไทย’ เพราะคนในประเทศไทย หลังเกิดรัฐชาติ มีความหลากหลายอย่างมาก ส่วนการวิเคราะห์ดีเอ็นเอในรายบุคคล เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลระดับประชากรที่มีอยู่ อาจจะคาดเดากลุ่มชาติพันธุ์ได้บางกลุ่ม เช่น ม้ง และเมี่ยน เนื่องจากมีพันธุกรรมที่จำเพาะมาก แต่หากเป็นกลุ่มไท-กะไดอาจทำได้ยากมาก เนื่องจากกลุ่มไท-กะไดในปัจจุบันมีการผสมผสานกับประชากรอื่นๆ อย่างมาก
ทั้งนี้ รศ.ดร.วิภู แถลงในงานดังกล่าว โดยอธิบายถึงการเชื่อมโยงพันธุศาสตร์ประชากรเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างประชากรว่ามีความใกล้ชิดกันอย่างไร
“ยกตัวอย่าง กลุ่มคนที่ใช้ภาษาตระกูลไท-ไต หลักฐานทางภาษาศาสตร์บอกว่า ภาษาไทมีการเคลื่อนย้ายจากตะวันออกเฉียงใต้ของจีน 1,000-2,000 ปีที่ผ่านมา พอเรามาศึกษาดีเอ็นเอจากชาติพันธุ์ไท มีดีเอ็นเอที่เหมือนกันมากมาย เปรียบเทียบกับกลุ่มได จากสิบสองปันนาจีนตอนใต้ มีความคล้ายคลึงกัน สะท้อนการอพยพของคนว่าคล้ายกับคนจีนตอนใต้มากกว่ากลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ประเมินในการขยายตัวของประชากรไทเกิดจากช่วง 2,000 ปีที่ผ่านมา แปลว่าจากกลุ่มเล็กๆ ขยายตัวออกไปเยอะมาก สนับสนุนหลักฐานทางภาษาศาสตร์และประวัติศาสตร์” รศ.ดร.วิภู กล่าว
รศ.ดร.วิภู อธิบายเพิ่มเติมว่า สำหรับกลุ่มได (Dai) เป็นกลุ่มไตลื้อหรือไทลื้อ จากสิบสองปันนา ที่ใช้เปรียบเทียบ แต่ในปัจจุบันก็มีข้อมูลดีเอ็นเอกลุ่มอื่นๆ มากขึ้น เช่น จ้วง หรือในเวียดนามเองก็มีข้อมูลของไทจากสิบสองจุไทด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อศึกษาต่อไป
