ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
สังฆราชโบราณแยกเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายคามวาสีเรียก พระสังฆราช และฝ่ายอรัญวาสีเรียก พระสังฆราชา และพระครู มีแล้วตั้งแต่ยุคต้นอยุธยา อยู่ในพระธรรมนูญ (หนังสือกฎหมายตราสามดวง) และมีในรัฐสุโขทัย
น่าเชื่อว่าสมณศักดิ์ตำแหน่งเหล่านี้มีก่อนยุคอยุธยา แล้วมีเลียนแบบตำแหน่งของศาสนาพราหมณ์ เช่น พระมหาราชครูพระครูมหิธร, พระราชครูพระครูพิเชษฐ์, พระราชครูพระครูพิราม ฯลฯ
รัฐสุโขทัย มีจารึกหลายหลักระบุนามสังฆราช มีหลักหนึ่ง (จารึกวัดพระเสด็จ สุโขทัย พ.ศ. 2052-2061) ข้อความเกี่ยวกับทำบุญสร้างโบสถ์ มีนามสังฆราชยาวมาก ดังนี้
“สมเด็จพระสังฆราชจุฑามณีศรีสังฆปรินายก สธรรมดิลกบรมเวธาจารีย์ บพิตรฯ”
พญาลิไทให้อัญเชิญสังฆราชจากลังกาไปรัฐสุโขทัย มีในจารึกวัดป่ามะม่วง สุโขทัย ระบุนามว่า “มหาสามีสังฆราช” แต่จารึกวัดป่าแดง สุโขทัย ระบุนาม “สังฆราชมหาสวามีเจ้า”
คำว่า มหาสามี และมหาสวามี น่าจะหมายถึงเป็นพระอาวุโสมาก
หลานพ่อขุนผาเมือง รัฐสุโขทัย ออกบวชแล้วธุดงค์แสวงบุญไปอยู่ลังกา 10 ปี ได้รับยกย่องจากมหาชนลังกาสมัยนั้นว่า
“สมเด็จพระมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามุนีศรีรัตนลังกาทีปมหาสามีเป็นเจ้า”
เมื่อกลับจากลังกาถึงดินแดนสยามสุวรรณภูมิ ได้ปฏิสังขรณ์พระมหาธาตุหลวง เมืองนครชัยศรี เป็นยอดปรางค์ ปัจจุบันคือพระปฐมเจดีย์ จ. นครปฐม สร้างครอบสมัย ร.5
คำอธิบายภาพประกอบ
ภิกษุดินเผา 3 รูป ครองจีวร ถือบาตร ทำท่าบิณฑบาต เป็นหลักฐานเก่าสุดที่แสดงว่ามีพระสงฆ์ในดินแดนสุวรรณภูมิ ลายเส้นจากประติมากรรมดินเผา ราวหลัง พ.ศ. 1000 พบที่เมือง อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี (ภาพจากหนังสือ สุวัณณภูมิ โดย ธนิต อยู่โพธิ์ กรมศิลปากร พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2510)