ที่มา | คอลัมน์ เล่าเรื่องหนัง |
---|---|
ผู้เขียน | ติสตู [email protected] |
ทันทีที่ดูซีรีส์จากฝรั่งเศส “Call My Agent!” หรือในชื่อฝรั่งเศส “Dix Pour Cent” จบลง ก็เหมือนกับเพิ่งฉีกครัวซองต์ชิ้นเล็กๆ ปาดเนยทาใส่บางๆ กินในมื้อเช้า มันช่างฝรั่งเศสแฝงอารมณ์ขันตลกร้ายสิ้นดี!
Call My Agent! เป็นเรื่องราวของบริษัทตัวแทนดาราเซเลบริตี้วงการบันเทิงในปารีส ศูนย์กลางของเรื่อง คือเหล่าบรรดา “ผู้ถือหุ้น” ของบริษัท ซึ่งแต่ละคนมีหน้าที่เป็น “ผู้จัดการดารา” ติดต่อประสานคิวงาน การเลือกรับบท และดูแลภาพลักษณ์ โดยแต่ละคนมีดาราในมือที่ต้องดูแลหลายสิบคน
ทีเด็ดของซีรีส์คือการนำเสนอเรื่องราววงการภาพยนตร์ฝรั่งเศส ที่มองจากภายนอกเราสัมผัสได้ถึงความ “อาร์ตตัวแม่” ของผลงานไปยันผู้กำกับ และนักแสดง แต่กว่าจะเห็นเป็นผลงาน หรือเฉิดฉายอยู่บนพรมแดงเมืองคานส์ได้นั้น มันมีความ “อลเวงโป๊ะแตก” ของเหล่าผู้คนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์
ที่สำคัญบทละครของซีรีส์เรื่องนี้เล่นได้ “ฉลาด” เพราะแต่ละตอนเป็นการเชิญ “นักแสดงฝรั่งเศส” ตัวจริงเสียงจริงมาเล่นเป็น “ตัวเอง”
นึกภาพว่าเหล่าตัวพ่อตัวแม่ในตำนานของวงการบันเทิงฝรั่งเศส และหลายคนมีผลงานระดับสากลในฝั่งฮอลลีวู้ด ผลัดกันมามีบทเด่น “เล่นเป็นตัวเอง” ในแต่ละตอน โดยผูกโยงเรื่องราวเข้ากับบรรดาผู้จัดการดาราก็สนุกไม่เบา อาทิ Juliette Binoche, Isabelle Adjani, Cecile de France, Fran?oise Fabian, Laura Smet, Joey Starr, Audrey Fleurot, Nathalie Baye และ Julie Gayet เป็นต้น
อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นซีรีส์อิมพอร์ตฝรั่งเศส แต่เสียงวิจารณ์จากนักวิจารณ์สายอเมริกันมาทั้งบวกและบราโว่
ตัวซีรีส์มีความเข้มข้น ตลกร้าย ดราม่า แต่ไม่น้ำเน่า
หลายต่อหลายตอนนำเสนออย่าง “ร่วมสมัย” ในประเด็นวงการบันเทิงร่วมกับฮอลลีวู้ด อาทิ ความเท่าเทียมเรื่องรายได้ของนักแสดงหญิงกับนักแสดงชาย, การที่นักแสดงหญิงต้องทำศัลยกรรมเพื่อความอยู่รอดในวงการ ไปจนถึงประเด็นร้อนอย่าง #Me Too ในเรื่องการคุกคามทางเพศในอุตสาหกรรมบันเทิง
Call My Agent! เป็นซีรีส์เกี่ยวกับ “ชีวิตการทำงาน” ที่ต้องขับเคี่ยวแข่งขัน ตัวละครหลัก คือเหล่า “ผู้จัดการดารา” กำลังเผชิญวิกฤตความอ่อนไหวของบริษัท หลังจากผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และเป็นผู้จัดการดาราระดับเกรดเอของฝรั่งเศสเกิดเสียชีวิต ทำให้ภาระในการประคับประคองเอเยนซี่ตกเป็นของสมาชิกผู้ร่วมงานที่เหลือ ซึ่งต่างก็ใส่หมวกเป็นผู้จัดการดาราไปด้วย
เรื่องราวของแต่ละคนมีชั้นเชิงในการหลอกล่อ ช่วงชิง แม้จะทำงานอยู่บริษัทเอเยนซี่เดียวกัน แต่ต้องมีจังหวะหักหลัง และกลับมาช่วยกันในบางเวลา พอๆ กับการถีบตัวเพื่อเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการ ขนานไปกับเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของแต่ละคนที่สนุกไม่แพ้กัน
ซีรีส์เรื่องนี้ฉายภาพเบื้องหลังในภาพความหรูหรา ผสานกับความเป็นมืออาชีพของวงการบันเทิงฝรั่งเศส ซึ่งมีเรื่องอ่อนอกอ่อนใจที่สะท้อนออกมาได้อย่างตลกร้าย
เราได้เห็นความหวั่นไหวของผู้คนในวงการ เห็นการทำงานในวิถีศิลปิน เห็นการทำงานของผู้จัดการดารามืออาชีพที่เป็นมากกว่าคนที่รอรับส่วนแบ่ง 10% จากค่าตัวของนักแสดง
ตัวซีรีส์แต่ละตอนยังใส่มุมมองที่ยกย่องอุตสาหกรรมหนังฝรั่งเศสในแง่งามของการสร้างสรรค์ และจบซีซั่นด้วยภาพฉากหน้าของพรมแดงเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลกอย่างเมืองคานส์ ที่มีเรื่อง “ซุกใต้พรม” ไปด้วยกัน
ซีรีส์ออกฉายแล้วสองซีซั่น ถูกพูดถึงในวงกว้าง เมื่อ “เน็ตฟลิกซ์” ซื้อลิขสิทธิ์จากช่อง France 2 มาฉาย ขณะที่ซีซั่น 3 อยู่ระหว่างถ่ายทำ และยังเล่นกับ “จุดขาย” เดิม ได้นักแสดงฝรั่งเศสระดับเข็ดเขี้ยวมาแสดงเป็นตัวเองในแต่ละตอน อาทิ Isabelle Huppert, Monica Bellucci และ Jean Dujardin เป็นต้น
“ก่อนจะมาถึงของซีซั่น 3-ตลอดทั้ง 18 ตอน ในสองซีซั่นที่ผ่านมาราวกับมื้ออาหารที่ปรุงได้อรรถรสระดับ Fine Dining ทั้งเรียกน้ำย่อย ยั่วเย้าให้อร่อยกับจานหลัก และใจจดจ่อที่จะสัมผัสของหวานปิดท้ายมื้ออาหารอย่างสมบูรณ์”