ชนะคดีที่ถูกอดีตดีเจจับก้น ได้เงินมาแค่ 1 ดอลลาร์(ราว 33.4 บาท)แต่ เทย์เลอร์ สวิฟต์ นักร้องสาวอเมริกันชื่อดัง ได้มอบเงินก้อนโตให้แก่องค์กรการกุศลที่ช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศไปเรียบร้อยตามที่ได้ลั่นวาจาไว้
เอเอฟพีอ้าง มูลนิธิจอยฟูล ฮาร์ท ฟาวน์เดชั่น (Joyful Heart Foundation)องค์กรการกุศล ที่มีเป้าหมายในการทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงท่าทีของสังคมที่มีต่อการล่วงละเมิดทางเพศ การกระทำทารุณเด็ก และ การกระทำรุนแรงภายในครอบครัวได้ออกมายืนยันเรื่องนี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคมผ่านมา หลังจากที่ได้รับการติดต่อจากทีมงานของนักร้องสาวคนดังเมื่อวันพุธที่ 16 สิงหาคม
“เทย์เลอร์รู้จักมูลนิธิจอยฟูล ฮาร์ท และติดตามการทำงานของเรา ทีมงานของเธอได้ติดต่อมาที่ฉัน และเราได้พูดคุยกันเยอะเลยเกี่ยวกับความตั้งใจของเธอ และปัญหาต่างๆเหล่านี้ และความต้องการของเธอที่ต้องการช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ “ไมลี แซมบูโต ซีอีโอของมูลนิธิจอยฟูล ฮาร์ท ให้สัมภาษณ์กับเว็บฮัฟฟิงตัน โพสต์เมื่อวันพุธ แต่ปฎิเสธที่จะเปิดเผยจำนวนเงินที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ บริจาคให้มูลนิธิ แต่บอกเพียงว่า เป็นการบริจาคที่ถือเป็นการ ลงทุนที่ใจดีมากๆ ที่ต้องการสนับสนุนการทำงานเพื่อยุติปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ และความรุนแรงทางเพศ
ขณะที่ มาริสกา ฮาร์กิเทย์ นักแสดงวัย 53 ปีจากซีรีย์เรื่อง “Law and Order: Special Victims Unit” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิจอยฟูล ฮาร์ท ฟาวน์เดชั่น ขึ้นเมื่อปี 2547 ได้พูดถึงความกล้าหาญของเทย์เลอร์ ที่ออกมาฟ้องร้อง นายเดวิด มุลเลอร์ อดีตดีเจวิทยุที่จับก้นเธอ ระหว่างยืนถ่ายรูปด้วยกันในงานหนึ่งเมื่อปี 2556 และศาลตัดสินให้เทย์เลอร์ชนะคดี โดยเธอฟ้องเรียกเงินแค่ 1 ดอลลาร์ เพราะไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิงว่า “ฉันหวังว่า การตัดสินใจออกมาต่อสู้ของเธอ ออกมาให้สังคมได้รับรู้เรื่องนี้ ไม่เพียงจะช่วยให้ผู้ตกเป็นเหยื่อรายอื่นๆกล้าที่จะออกมาพูดและทำอะไรสักอย่าง แต่ยังทำให้พวกเขาเหล่านั้นรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันด้วย และฉันก็รู้สึกเป็นเกียรติต่อความอุทิศตนและตั้งใจทุ่มเทของเธอที่มีต่อปัญหาต่างๆเหล่านี้ และรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆสำหรับความช่วยเหลือสนับสนุนที่เธอมอบให้มูลนิธิจอยฟูล ฮาร์ท ”
ทั้งนี้นักร้องสาวคนดัง ได้มีแถลงการณ์ขอบคุณศาล หลังจากชนะคดีว่า “ฉันรู้ดีถึงข้อได้เปรียบที่ฉันได้รับในชีวิต ในสังคม และกำลังความสามารถของฉันที่จะแบกรับค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการต่อสู้คดีเพื่อปกป้องตัวเองในชั้นศาลแบบนี้ ความหวังของฉันก็คือ เพื่อช่วยเหลือเจ้าของเสียงเหล่านั้น ที่ควรจะได้รับการได้ยิน และในอนาคตอันใกล้ฉันยังจะบริจาคเงินให้แก่องค์กรการกุศลอีกหลายแห่ง ที่จะช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศในการลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง”
