เวลา 13.00 น. วันนี้ (16 ก.ค.) พชร์ อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ได้เดินทางมาที่ กองบังคับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท) เพื่อแจ้งความคดีบิดเบือนข้อเท็จจริงในระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีบุคคลเผยแพร่เรื่องราวทำนองว่าตนจะหยิบข่าวคราวของทีมหมูป่าทั้ง 13 คนที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง มาสร้างภาพยนตร์จนบุคคลทั่วไปเข้าใจผิดและทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งพชร์ยืนยันว่าไม่เคยพูดว่าจะเอาทีมหมูป่าแสดงภาพยนตร์
“แต่อยู่ๆ ก็มีข้อความขึ้นมาในโซเชียล เอารูปโปสเตอร์ภาพยนตร์ของเราสมัยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เรื่อง ม.6/5 ปากหมาท้าผี มาตัดต่อกลายเป็นรูปเข้าไปมุดถ้ำซึ่งตรงนี้มันเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง”
ซึ่งจากภาพที่ถูกตัดต่อดังกล่าวยังเกิดการแชร์ต่อ ทำให้คนเข้าใจตนผิด และเข้ามาด่าทำให้ตนเสียหาย
“เป็นการดิสเครดิตเรา เขาใช้คำว่าเราที่รุนแรงเกิน แล้วมันก็ไม่ใช่ข้อมูลจริงด้วย วันนี้เลยมาแจ้งความเรื่อง บิดเบือนข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และดำเนินคดีที่ตัดต่อรูปโปสเตอร์ และเอาไปโพสต์ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและคนมาด่าผม”
“วันนี้จะมาทำเรื่องเอาผิดคนทำ คนแชร์ ส่วนคนที่ด่าเราเราจะไปแจ้งที่สน.” พชร์ว่า
ซึ่งการที่ลุกขึ้นมาดำเนินคดีในครั้งนี้เป็นเพราะ “เดี๋ยวคนคิดว่าเราโปรโมทหนังอยู่”
“แต่เราบอกตรงนี้เลยว่าเราไม่คิดจะทำ เพราะว่ามันเป็นเรื่องเซ็นซิทีฟ อย่างเรื่องโค้ชเอก มีรายการโทรทัศน์มาสัมภาษณ์แล้วบอกว่าประวัติเขาน่าสนใจ แต่เราไม่เคยคิดจะทำเลย ไม่เคยอยู่ในหัวของเราเลย”
“ที่สำคัญถ้าจะต้องทำหนังเรื่องนี้ ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล”
ก่อนจะบอกว่าเรื่องนี้มีผลกระทบกลับมาที่ตนไม่น้อย เพราะคนภายนอกก็อาจจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมา รวมไปถึงการถูกด่าที่ลามไปถึงบุพการีด้วย เลยคิดว่าต้องดำเนินคดีตามกฏหมาย
“เรื่องนี้เงียบไม่ไหวแล้ว เพราะเล่นมาด่าถึงพ่อแม่ เราเองก็มีสิทธิ์ป้องกันตัวเอง ไม่อย่างนั้นจะมาด่าเราจนเคยตัวเกินไป”
“จะเอาเรื่องสำเร็จหรือไม่นั้น เราคิดว่าเอาเรื่องได้สัก10 คนก็โอเคแล้ว เหมือนเชือดให้ดูเป็นตัวอย่าง อันไหนแจ้งความได้แจ้งหมด”
แต่หากใครจะมองว่าตนเกาะกระแส พชร์ก็ยืนยันว่าไม่คิดเกาะเพราะตนอยู่เฉยๆ มีแต่คนอื่นที่พูดและทำให้ตนเสียหาย
“ถ้าอยากทำเดี๋ยวบอกเองไม่ต้องสาระแนมาคิดให้ บอกเลยว่ารำคาญ”
“เราก็เลยมาทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าคุณไม่มีสิทธิ์ด่าชาวบ้าน ไม่มีสิทธิ์ไปเ-ือกเรื่องชาวบ้านคุณไปเอาเรื่องตัวเองให้รอดดีกว่า คนที่เขาว่าเราขอให้หยุดเถอะ ไปทำมาหากินเถอะ อย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้านเลย การที่ยุ่งเรื่องชาวบ้านมากๆมันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราเจริญขึ้น”
ทั้งยังทิ้งท้ายว่าเดินหน้ามาขนาดนี้แล้วรับรองว่าเอาเรื่องถึงที่สุดแน่นอน